ว่าที่นายกเล็กเทศบาลเมืองนราฯ คนใหม่พร้อมทีม” นราชนะ” ขึ้นรถแห่รอบเมือง ขอบคุณทุกคะแนนเสียงของประชาชน หลังโค่นแชมป์เก่า ขึ้นแท่นนายกฯที่อายุน้อยที่สุด
นราธิวาส/ภาพ/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ
ว่าที่นายกเล็กเทศบาลเมืองนราฯ คนใหม่พร้อมทีม” นราชนะ” ขึ้นรถแห่รอบเมือง ขอบคุณทุกคะแนนเสียงของประชาชน หลังโค่นแชมป์เก่า ขึ้นแท่นนายกฯที่อายุน้อยที่สุด
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่หมู่บ้านรักษ์บำรุง ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพซอล อาแว อายุ 37 ปี ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส หมายเลข 2 หลังคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส โดยโค่นนายธนาวิทย์ ไชยนุพงศ์ หรือ “โป่ง” แชมป์ 2 สมัยได้สำเร็จ ด้วยคะแนน 10,668 เสียง ได้นำลูกทีม “นราชนะ” พร้อมทีมสมาชิกสภาเทศบาลจำนวน 10 คนขึ้นรถแห่ไปตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ได้แก่ ถนนระแงะมรรคา ถนนภูผาภักดี ถนนพิชิตบำรุงและถนนสุริยะประดิษฐ์ เพื่อขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเทคะแนนให้ตนและทีมงานเข้าไปทำหน้าที่นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองนราธิวาสเป็นสมัยแรกของการบริหารงานเทศบาลเมืองนราธิวาสให้ก้าวหน้าตามที่วางไว้
สำหรับบรรยากาศระหว่างรถแห่เคลื่อนตัวไปตามถนน ได้มีประชาชนออกมาให้กำลังใจทีมนราชนะ ไม่ต่างจากช่วงการหาเสียง โดยตลอดสองข้างทางได้มีพ่อแม่พี่น้องชาวนราธิวาส ต่างมายืนรอรถแห่ของทีม”นราชนะ” โดยเฉพาะนายกฯไพซอลที่จัดว่าหน้าตาดีแถมยังอายุน้อย พร้อมทั้งโบกไม้โบกมือให้กับว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาสคนใหม่ ที่จะเข้ามาพัฒนาเมืองนราธิวาสให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆด้าน
ด้านนายไพซอล อาแว เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองต้องขอขอบคุณชาวนราธิวาส ที่มอบความไว้วางใจให้มาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส วันนี้ตนเองขอขอบคุณอีกครั้ง และจะตั้งใจทำงาน เพื่อพี่น้องประชาชนทุกคนตามที่ได้ให้สัญญาไว้ และสิ่งที่สำคัญที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วน คือเดินหน้าตามนโยบายของทีม “นราชนะ” ตามที่ได้พูดไว้กับพี่น้องประชาชนในช่วงเดินหาเสียง โดยนโยบายหลักๆ เช่นการท่องเที่ยว การศึกษาและสาธารณสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำนับตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้าไปรับตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส และจะทำให้รวดเร็วที่สุด ซึ่งจากวินาทีแรกจนถึงวันนี้ตนเองไม่รู้สึกกดดันกับตำแหน่งนี้ กลับรู้สึกผ่อนคลาย ถึงแม้ตนเองจะเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ แต่ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งแปรผันตัวเองจากนักธุรกิจสู่นักการเมือง แต่รับปากว่าจะทำตามสัญญาที่เคยได้ให้ไว้กับพี่น้องประชาชน โดยจะมีการสื่อสารแบบทูเวย์ จะเข้าพบปะประชาชนทุกๆ 3 เดือนในแต่ละชุมชน โดยในส่วนของประเพณีทั้งของไทยพุทธและไทยมุสลิม จะให้ความสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน