สาวใหญ่”เมืองเพชร”หวิดติดคุกคดียาเสพติด หลัง จนท คุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น ผิดพลาด เรื่องชื่อสกุล
สาวใหญ่”เมืองเพชร”หวิดติดคุกคดียาเสพติด หลัง จนท คุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น ผิดพลาด เรื่องชื่อสกุล
เมื่อเวลา10.30 น.วันที่30 กันยายน 2565 นางจำเรียง สวัสดิ์นิวัฒน์
ผอ.สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรี และนางสุวรรณา สุขพานิช ผู้พิพากษาสมทบแผนกศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้นำหนังสือแสดงความรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีหนึ่ง เดินทางไปพบกับนางสุภารัตน์ วิศิลา อายุ62ปี ภายในสวนบ้านเลขที่393 ม.9 บ้านหนองปลวก ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โดยทันทีที่ นางสุภารัตน์ เห็นว่า นางสุวรรณา เดินทางมาด้วย ได้โผล่เข้าสวมกอดและร้องให้ออกมา สำหรับการเดินทางมาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จากคุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อมาเป็นตัวแทนของสำนักคุมแระพฤติจังหวัดขอนแก่นเพื่อขอโทษในความผิดพลาดในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า ตามที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดขอนแก่นได้มีหนังสือเตือนลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ให้ นางสุภารัตน์ วิศิลา ไปพบนางสาวสุนทรี เรณูร่วง พนักงานคุมประพฤติ ที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น เกี่ยวกับคดียาเสพติด และต่อมาได้มีหนังสือขอความร่วมมือให้ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรีดำเนินการติดตามให้นางสุภารัตน์ มารับทราบเงื่อนไขการคุมประพฤติตามคำสั่งศาล โดยกรณีดังกล่าวนั้นเกิดจากความบกพร่องของนางสาวสุนทรีเรณูร่วง พนักงานคุมประพฤติสังกัดสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น ซึ่งไม่ได้ใช้ความละเอียดระมัดระวังรอบคอบในการตรวจสอบรายการบุคคล จึงส่งผลให้นางสุภารัตน์ วิศิลา ซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 393 หมู่ 9 ตำบลท่าคอย อำเภอท่ายางจังหวัดเพชรบุรี ได้รับผลกระทบอย่างมาก และเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ชื่อเสียงนั้นสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดขอนแก่นจึงขอน้อมรับในความผิดพลาดและความบกพร่องดังกล่าวจึงได้มีหนังสือตักเตือนบุคลากรที่เกี่ยวข้องและกราบขอโทษมายัง นางสุภารัตน์ วิศิลา ที่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ซึ่งทางสำนักงานจัดได้กำชับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้มีความระมัดระวังรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในรายอื่นๆต่อไปโดยท้ายหนังสือเป็นลายเซ็นของนางสาวจิราวรรณ ไชยวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น
โดยคดีดังกล่าว นางสุภารัตน์ เล่าย้อนกลับไป ที่ตนเองประสบเหตุเฉียดจะติดคุกเกี่ยวข้องคดียาเสพติด ในครั้งนี้ เนื่องจาก เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับจากโทรศัพย์จากเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น
แจ้งว่า ตนเองถูกต้องโทษคดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติด ที่จังหวัดขอนแก่น ให้รีบไปรายงานตัว ภายใน 3 วัน ถ้าไม่ไปรายงานตัวจะโดนออกหมายจับในคดียาเสพติด ซึ่งขณะนั้นตนเองคิดว่าเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ จึงไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อผ่านไปประมาณ2วัน นายนิพนธิ์ คำแถม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครคุมประพฤติกระทรวงยุติธรรม ได้มาแจ้งตน มีหนังสือจากสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น มาถึงสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรี ให้ติดตามตัว เพื่อให้รายงานตัวเพราะต้องโทษคดีอาญา ที่จังหวัดขอนแก่น ตนจึงตอบกลับไปว่าตนไม่เคยออกนอกพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีเลยสักครั้ง ตนเป็นเพียงเกษตรกรจนๆที่หาเช้ากินค่ำ และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย สามีของตนเหล้าบุหรี่ก็ไม่เคยแตะต้อง ตั้งหน้าตั้งตาทำกินอย่างเดียว แล้วเพราะอะไร ตนถึงต้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย และ หลังจากนั้นตนได้พยายามติดต่อกับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรีเพื่อติดตามสอบถามรายละเอียด และได้นัดหมาย เพื่อติดต่อสอบถาม พร้อมกับประสานให้เจ้าหน้าที่คุมประพฤติเพชรบุรีตรวจค้นประวัติของตนอีกครั้งหนึ่ง และถามถึงเลขคดีว่าตนมีคดีอาญาติดตัวได้อย่างไร แต่ตนไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรีเลย จึงเกิดอาการเครียด จึงนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษากับ นางสุวรรณา สุพานิช ผู้พิพากษา สมทบศาลจังหวัดเพชรบุรี ให้ช่วยเหลือตรวจสอบ ว่าตนเองไปมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับคดียาเสพติดได้อย่างไรทำให้มีความคืบหน้า ว่าแท้ที่จริงแล้ว ชื่อที่คุมประพฤติจังหวัดขอนแก่นติดตามอยู่นั้นเป็นผู้ต้องหาที่มีชื่อและนามสกุลคล้ายคลึงกับตน
โดยแตกต่างกัน ที่นามสกุล คือ นามสกุลของตนคือ วิศิลา แต่นามสกุลของผู้ต้องหาที่แท้จริง มีนามสกุลว่า วิสิลา อ่านเหมือนกัน แต่คำว่า ศิ ของตนใช้อักษร ศ ของผู้อื่นใช้ สิ -ส จึงทำให้สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรี ติดต่อสอบถามไปยังสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น อีกครั้ง และ ตรวจสอบชื่อสกุลและหมายเลข 13 หลัก จนทราบว่า บุคคลที่คุมประพฤติจังหวัดขอนแก่นเป็นชื่อของ ผู้ต้องหารายอื่นที่อาศัยอยู่ในจังหวัดขอนแก่น และได้ติดตามบุคคลคนดังกล่าวพบแล้ว ซึ่งไม่ใช่ตนอย่างแน่นอน จากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สังคมเพื่อนบ้าน มองครอบครัวตัวตนไปในทางไม่ดี ส่งผลให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ตนจึงขอความเป็นธรรมเรียกร้องต่อสำนักงานคุมประพฤติ จังหวัดขอนแก่น ให้มีการขอโทษต่อหน้าฝ่ายปกครองอำเภอท่ายางเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรีกำนันผู้ใหญ่บ้านและสื่อมวลชน เพื่อให้สังคมได้เข้าใจครอบครัวของตน ส่วน ซึ่งตนไม่ขอรับการเยียวยาเป็นอย่างอื่น นอกจากคำขอโทษเท่านั้น และขอฝากไปยังหน่วยงานคุมประพฤติทุกแห่งว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับตนถือเป็น อุทาหรณ์ ขอให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานด้วยความรอบคอบ เห็นอกเห็นใจกัน เพราะอย่างไร เราก็คือคนไทยด้วยกัน
กสิพล ศิริลาภ-รายงาน