ลำพูนเดินหน้าตอบโต้ฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง แม้อากาศยังเป็นสีแดง
ลำพูนเดินหน้าตอบโต้ฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง แม้อากาศยังเป็นสีแดง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ชี้ ฝุ่น PM 2.5 สาเหตุเกิดจากการเผา ที่ผ่านมาลำพูนร่วมมือกันลดการเผาได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยหลายปัจจัยที่ไม่สามารถหลีกเหลี่ยงได้ ขอความร่วมมือประชาชนป้องกันดูแลตนเองตามคำแนะนำด้านสุขภาพ เชิญชวนร่วมกันฉีดน้ำลดฝุ่น สร้างความชื้นในพื้นที่ของตนเอง แม้จะบรรเทาสถานการณ์ภาพรวมได้ไม่มาก แต่เชื่อมั่นว่าหากรวมพลังช่วยกัน จะทำให้สถานการณ์ค่อยๆคลีคลายลงได้
วันนี้ (30 มีนาคม 2562) เวลา 16.00 น. ที่ บริเวณด้านหน้าอาคารศูนย์ราชการกระทรวงแรงงานจังหวัดลำพูน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน มอบหมายให้ นายวรยุทธ เนาวรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นำกำลังและเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อชะล้างฝุ่นละอองขนาดเล็กและสร้างความชุ่มชื้นในอากาศ โดยได้ความร่วมมือจากรถน้ำจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดลำพูน ร่วมกับรถฉีดพ่นละอองน้ำแรงดันสูงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ศูนย์ปภ.เขต 10 ลำปาง) ร่วมในปฏิบัติการ ทั้งนี้ ปฏิบัติการดังกล่าวนับเป็นเพียง 1 ในแผนปฏิบัติการตอบโต้ฯ ที่จังหวัดลำพูนได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว ที่ผ่านมาจะเห็นว่าแม้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศจะมีปริมาณสูง แต่ค่าจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจวัดได้ แสดงให้เห็นว่าจังหวัดลำพูน ได้ร่วมมือกันลดการเผาได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ บางวันไม่พบจุดความร้อนหรือบางวันที่ตรวจพบก็มีจำนวนน้อยมาก ด้วยปัจจัยประกอบหลายด้านที่ไม่สามารถหลีกเหลี่ยงได้ จึงทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศที่จังหวัดลำพูน อยู่ในระดับส่งผลกับสุขภาพของประชาชน เช่นเดียวกับทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือขณะนี้ อย่างไรก็ตามจังหวัดลำพูน ได้ขอความร่วมมือประชาชนป้องกันดูแลตนเองตามคำแนะนำด้านสุขภาพ เชิญชวนประชาชนร่วมกันฉีดน้ำลดฝุ่น สร้างความชื้นในบริเวณพื้นที่ของตนเอง แม้จะบรรเทาสถานการณ์ภาพรวมได้ไม่มาก แต่หากร่วมกันฉีดน้ำ รดน้ำต้นไม้ สร้างความชื้นในพื้นที่ของตนเอง เชื่อมั่นว่าจะสร้างค่าอากาศที่ดีให้กับคนในครอบครัวได้ หากรวมพลังช่วยกันมากขึ้น จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้สถานการณ์ค่อยๆคลีคลายลงได้อย่างแน่นอนรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดลำพูน โดยการนำของนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน มีการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการตอบโต้ฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศมาอย่างต่อเนื่องมีการประชุมติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟป่ากับหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอทุกอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งมาโดยตลอด มีการปรับเพิ่มความเข้มข้นมาตรการต่างๆ กำหนดเป้าหมายว่า จังหวัดลำพูนต้องไม่มีจุดความร้อนเลย หรือมีจุดความร้อนให้น้อยที่สุด มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวด วิเคราะห์ปัญหา สาเหตุการเกิดไฟป่า ทำงานเป็นทีม และร่วมกันรับผิดชอบ จัดกำลังชุดปฏิบัติการดับไฟป่าเพิ่มเติมและปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ผลการปฏิบัติงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดลำพูน มีการบริหารจัดการด้วยการประกาศขยายเวลาห้ามเผาพื้นที่เขตอำเภอเมืองลำพูน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2562
และประกาศห้ามเผาในทุกอำเภอระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2562 มาตรการตรวจจับรถยนต์ควันดำ เพิ่มความถี่และตรวจสอบรถที่มีควันดำ จัดชุดปฏิบัติการร่วมตรวจให้คำแนะนำแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองโรงงานอุตสาหกรรม ประกาศห้ามเข้าป่าล่าสัตว์และหาของป่า ประชุมชี้แจงและติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟฟ้าอย่างเข้มข้น แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง ประสานกองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าช่วยในการปฏิบัติงาน ขอความร่วมมือลดการใช้รถยนต์ในศาลากลางจังหวัดทุกวันพุธ จัดกิจกรรม Big cleaning Day การฉีดล้างถนนเพิ่มความชื้น ติดตั้งสเปรย์น้ำเพิ่มความชื้นในอากาศที่อาคารส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจในพื้นที่กว่า 40 แห่ง สนับสนุนชุดปฏิบัติการบินทางอากาศของศูนย์การบินทหารบกและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใช้อากาศยานเข้าทำการบินสำรวจและดับไฟป่าในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอแม่ทากว่า 160 เที่ยวบิน ตลอดจนการบริหารจัดการลดปริมาณเชื้อเพลิงก่อนวันห้ามเผา การดับไฟในพื้นที่ป่าที่พบการรายงานข้อมูลจากศูนย์ War room จังหวัด ที่ตรวจติดตามจากดาวเทียมทุกวัน การจัดชุดลาดตระเวนชุดปฏิบัติการดับไฟป่า ทั้งนี้ ยังมีการออกลาดตระเวนการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับไฟป่าและหมอกควัน จำนวน 16 ราย แล้ว อย่างไรก็ตามในช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศยังอยู่ในระดับที่มีผลกับสุขภาพ จังหวัดลำพูน มีความห่วงใยในสุขภาพของประชาชน ขอให้ประชาชนงดเว้นกิจกรรมกลางแจ้ง หากหลีกเหลี่ยงไม่ได้ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละออง