บุรีรัมย์ วันเดียวเกลี้ยง 4 แสนต้นพันธุ์ไม้ แจงดราม่าชาวบ้านรับแจกเอาไปขาย

มิถุนายน 29, 2020มิถุนายน 29, 2020 admin

คนอยากมีป่าเป็นของตัวเองพุ่ง แห่จองคิวรับพันธุ์กล้าไม้ยืนต้น วันเดียวเกลี้ยง 400,000 ต้น หัวหน้าสถานีเพาะชำเผย ความต้องการกล้าไม้เพิ่มขึ้นเหลือเชื่อ ต้องเพาะปีละล้านต้นถึงจะเพียงพอ แต่ยังไม่ได้รับมอบหมาย พร้อมแจงกรณีเสียงวิจารณ์ว่าคนที่มารับแจกอาจจะเอาไปขายต่อ ว่าอาจมีบ้างแต่ไม่สนใจเพราะคนซื้อไปก็เอาไปลงดินอยู่ดี ตรงตามเจตนาของสถานีฯคือเพิ่มพื้นที่ป่า

วันที่ 29 มิ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีเพาะชำกล้าไม้บุรีรัมย์ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ในสถานีฯ เตรียมพันธุ์กล้าไม้ยืนต้น เช่นไม้สัก ,ยางนา ,ประดู,พะยูง และไม้นาๆพันธุ์ เพื่อให้ผู้ที่มารับบัตรคิวก่อนหน้านี้ มารับพันธุ์กล้าไม้ ได้ตามวันนัด

นายดอน ลิอ่อนรัมย์ อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่สถานีเพาะชำกล้าไม้บุรีรัมย์ กล่าวว่า ความต้องการพันธุ์กล้าไม้ยืนต้นของประชาชนทั่วไป มีเพิ่มขึ้นทุกปี ถึงแม้จะเพิ่มปริมาณการเพาะขึ้นแล้วก็ตาม
สาเหตุเพราะชาวบ้านต้องการมีป่าเป็นของตัวเองมากขึ้น
ภายในไม่กี่ปีถ้าปลูกป่าจะได้ทั้งความชุ่มชื้น มีอาหารป่าเกิดขึ้นโดยไม่ต้องไปหาไกลบ้าน หลายคนเมื่อเห็นผลลัพธ์ของการปลูกป่า ก็อยากจะมีบ้าง จึงทำให้ความต้องการกล้าไม้ยืนต้นมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายอภิรัตน์ พิรุฬห์ หัวหน้าสถานีเพาะชำ กล้าไม้บุรีรัมย์ กล่าวว่า การแจกพันธุ์กล้าไม้ปีนี้ ใช้วิธีประกาศทางเพชบุ๊ก ให้มารับบัตรคิวก่อน เพื่อป้องกันการแออัดในช่วงมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จากที่ตั้งเป้าไว้ผู้มารับบัตรคิวจะได้พันธุ์กล้ารายละ 400 ต้น หรือ 1,000 ราย จากต้นกล้าที่เตรียมไว้ 400,000 ต้น แต่ปรากฏว่าในวันรับบัตรคิววันแรก มีประชาชนมาขอบัตรคิวเกินกว่า 2,000 คน จึงจำเป็นต้องลดจำนวนแจกเหลือ 200 ต้นต่อราย เพียงไม่ถึงวัน ก็เต็มจำนวน
สถานการณ์ความต้องการพันธุ์กล้าไม้ มีเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างน่าตกใจและน่าสนใจ จากการประเมิน คาดว่าปีถัดไปจะต้องมีพันธุ์กล้าไม้ไว้รองรับความต้องการไม่น้อยกว่า 1 ล้านต้น จึงจะเพียงพอ แต่ยังไม่ได้รับคำสั่งให้เพิ่มจำนวนการเพาะ

หัวหน้าสถานีเพาะพันธุ์กล้าไม้ กล่าวด้วยว่า กรณีมีผู้วิจารณ์ว่า มีชาวบ้านบางคนเอาพันธุ์กล้าไม้ ที่ได้รับแจกไปจำหน่าย ทางสถานีได้มีขั้นตอนทั้งหลักฐานที่ดินที่จะไปปลูก การสุ่มตรวจ
การแอบเอาพันธุ์กล้าไม้ที่รับแจกไปขาย ก็อาจจะมีบ้าง คาดว่าไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้สนใจ เพราะกล้าไม้ที่ขายไป คนที่ซื้อก็เอาไปปลูกลงดินอยู่ดี ซึ่งตรงเจตนารมณ์ของสถานีฯที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ป่า หรือพื้นที่สีเขียวนั่นเอง..นายอภิรัตน์ ..กล่าว