พังงา ตำรวจลงพื้นที่สวนปาล์ม และลานรับซื้อปาล์มน้ำมันเพื่อแก้ปัญหาการลักขโมยพืชการเกษตร และขอความร่วมมือ ตรวจสอบ สังเกตผู้ที่มาขายปาล์ม การทำข้อมูลบุกคนที่ต้องสงสัย การประสานการแจ้งข้อมูลข่าวสารทางไลน์กลุ่มเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมพร้อมเพิ่มโทษหนักกับโจรที่ขโมยพืชผลการเกษตรนาน 7 ปี
พังงา ตำรวจลงพื้นที่สวนปาล์ม และลานรับซื้อปาล์มน้ำมันเพื่อแก้ปัญหาการลักขโมยพืชการเกษตร และขอความร่วมมือ ตรวจสอบ สังเกตผู้ที่มาขายปาล์ม การทำข้อมูลบุกคนที่ต้องสงสัย การประสานการแจ้งข้อมูลข่าวสารทางไลน์กลุ่มเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมพร้อมเพิ่มโทษหนักกับโจรที่ขโมยพืชผลการเกษตรนาน 7 ปี
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 65 พ.ต.อ.เสกสรร แก้วสว่าง รอง ผบก.ภ.จว.พังงา รักษาการ ผกก.สภ.กะปง พ.ต.ท.ไตรสิทธิ์ ว่องปลูกศิลป์ รอง ผกก.ป.สภ.กะปง พ.ต.ท.เอกชัย สุทธิพิทักษ์ สวป. และนายภูวเรศ ขุมทอง ที่ปรึกษา กต.ตร.ภาค 8 นายสุระพงศ์ มุขแก้ว นายกเทศบาลท่านา คณะกรรมการ กต.ตร.สภ.กะปง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครองอำเภอกะปง เครือข่ายประชาชน ส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการ กต.ตร.สภ.กะปง ได้ลงพื้นที่สถานประกอบการรับซื้อปาล์มน้ำมันในพื้นที่ บ้านปากพู่ อ.กะปง จ.พังงา เพื่อประชาสัมพันธ์ และติดตามการแก้ปัญหาการขโมยปาล์มน้ำมัน และแนวทางนำปัญหามาแก้ไขและประชาสัมพันธ์ตาม ”นโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (stronger together) “ และดำเนินการตามโครงการ RPT Cyber village
โดยได้ดำเนินการ ติดตามกรณีมีแจ้งจากเกษตรในพื้นที่ ว่ามีการขโมยปาล์มน้ำมัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการได้ออกตรวจสอบ ลงพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวก่อนหน้านี้ และได้ตรวจสอบข้อมูลการรับซื้อปาล์มน้ำมัน ตรวจสอบการใช้งานของกล้องวงจรปิด(CCTV) และขอความร่วมมือ ตรวจสอบ สังเกตผู้ที่มาขายปาล์ม การทำข้อมูลบุกคนที่ต้องสงสัย การประสานการแจ้งข้อมูลข่าวสารทางไลน์กลุ่มเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล สภ.กะปง ในการดำเนินการแก้ปัญหาเพื่อป้องกันการลักขโมยปาล์มน้ำมัน และสินค้าพืชผลทางเกษตร เช่น ทุเรียนสาลิกา ของประชาชนในพื้นที่ จึงเน้นมาตรการป้องกัน โดยเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแล แจ้งเบาะแส เข้ามามีบทบาทมีส่วนร่วมในการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
อย่างไรก็ตามตำรวจภูธรจังหวัดพังงา แจ้งโทษกับคนร้ายที่ลักทรัพย์ผลปาล์มน้ำมันหรือผลทุเรียน ป.อาญา ม.335(12) ฐานลักทรัพย์ของผู้มีอาชีพกสิกรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับ ตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 10,000 บาท หาก ลักโดยมีอาวุธหรือร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือลักในเวลากลางคืน หรือลักในเคหสถาน หรือที่เป็นของ นายจ้าง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 7 ปี และ ปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 14,000 บาท หากลักโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปต้องระวางโทษหนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่ง ตาม ป.อาญา ม.336 ทวิ พบเห็นแจ้ง ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ด้วยความปราถนาดีจาก ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา