กาฬสินธุ์สาวรับใบทวงหนี้กยศ.เครียดร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือ สาวเจ้าของสวนเกษตร ชาวตำบลเขาพระนอน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ สุดเครียด หลังได้รับใบทวงหนี้กยศ. ยืนยันจ่ายครบปิดบัญชีตั้งแต่ปี 2553
กาฬสินธุ์สาวรับใบทวงหนี้กยศ.เครียดร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือ
สาวเจ้าของสวนเกษตร ชาวตำบลเขาพระนอน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ สุดเครียด หลังได้รับใบทวงหนี้กยศ. ยืนยันจ่ายครบปิดบัญชีตั้งแต่ปี 2553
โร่ขอคำปรึกษาศูนย์ดำรงธรรม สุดท้ายโล่งใจเจ้าหน้าที่กยศ.โทรแจ้ง เหตุมีหนังสือมาทวงหนี้เพราะปรากฏชื่อเป็นลูกจ้างบริษัทในกรุงเทพฯต้องหักเงินเดือน อาจเกิดเหตุการณ์โอล่ะพ่อข้อมูลคลาดเคลื่อน เพราะความจริงตนเป็นเกษตรกรอยู่บ้านในจังหวัดกาฬสินธุ์
จากกรณีหญิงวัย 47 ปี เจ้าของสวนเกษตรไร่ภูทองใบ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ สุดงงได้รับใบทวงหนี้ กยศ.จำนวน 34,500 บาท ยืนยันจ่ายครบปิดบัญชีตั้งแต่ปี 2553 ระบุใบทวงหนี้จากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาโผล่มาหาตนได้อย่างไร วอนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ละเอียด ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นางจิตตานันท์ สุริยะพงษ์ธร อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 28 บ้านโคกแง้ หมู่ 5 ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ได้เข้าพบนายสุวิศิษฐ์ จำนงพันธ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความเป็นธรรมและขอคำปรึกษา หลังได้รับหนังสือแจ้งการชำระหนี้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือกยศ.ดังกล่าว
นางจิตตานันท์ กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือทวงหนี้จาก กยศ. ทำให้ตนและคนในครอบครัวรู้สึกเครียดมาก เนื่องจากตนได้จ่ายชำระและปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งต้องขอยืนยันอีกครั้งหนึ่ง เพราะดำเนินการด้วยตนเองที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสามพราน จ.นครปฐม ขณะเดินทางธุระที่จังหวัดนั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับหนังสือ ตนพยายามโทรติดต่อกับทางธนาคารกรุงไทยและกยศ.ตลอด แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าหรือได้ข้อมูลใหม่เพิ่มเติม นอกจากจะบอกให้ตนหาใบเสร็จ เมื่อครั้งชำระปิดบัญชีเงินกู้ กยศ.ไปยืนยัน แต่ตนไม่สามารถหาพบได้ เพราะเวลาผ่านมานานถึง 10 ปีแล้ว
นางจิตตานันท์ กล่าวอีกว่า เมื่อตกอยู่ในสภาพนี้ก็เหมือนหมดสิ้นหนทาง ที่จะหาหลักฐานไปหักล้างได้ เพราะทางธนาคารและกยศ.ยืนยันว่าเช็คในระบบพบข้อมูลได้แค่นั้นว่า มีประวัติโอนเงินชำระในปี 2553 เพียง 2 ครั้ง คือวันที่ 14 กรกฎาคม 2553 จำนวน 990 บาท และวันที่ 14 ตุลาคม 2553 จำนวน 3,000 บาท โดยเป็นการโอนเงินเข้าเวลาประมาณ 24.00 น. ซึ่งตรงนี้ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่ได้โอนเงินเข้าบัญชีในเวลาดังกล่าวเลย และในส่วนของการชำระปิดบัญชีจำนวน 24,000 บาทนั้นหายไปไหน เมื่อทางต้นทางไม่สามารถตรวจเช็คได้ จึงเข้ามาขอคำปรึกษากับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอยางตลาด ช่วยประสานและขอให้ทางธนาคารและกยศ.ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง
ด้านนายสุวิศิษฐ์ จำนงพันธ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม อ.ยางตลาด กล่าวว่า จากการสอบถามความเป็นมากับนางจิตตานันท์และประสานทางโทรศัพท์กับธนาคารกรุงไทย สาขาสามพรานและกยศ. ก็ได้ข้อมูลเดียวกันกับที่นางจิตตานันท์ทราบมา โดยระบุหนี้คงเหลือ 34,500.09 บาท เป็นเงินค้างชำระ 20,030.43 บาท ดอกเบี้ย 1,929.27 บาท และเบี้ยปรับ 12,540.39 บาท หากนางจิตตานันท์มั่นใจว่าตนได้ชำระและปิดบัญชีเงินกู้กยศ.หมดแล้วก็ให้นำใบเสร็จไปยืนยัน
นายสุวิศิษฐ์กล่าวอีกว่า เมื่อได้รับคำตอบอย่างนี้ สิ่งที่จะคลี่คลายปัญหาได้ก็คือนางจิตตานันท์ต้องไปค้นหาใบเสร็จดังกล่าวให้พบ เพราะทางธนาคารและกยศ.ก็ยืนยันมาว่าในระบบตรวจเช็คได้แค่นั้น ทั้งนี้ ข้อขัดแย้งใดๆจะยุติลงได้ ก็ต้องอาศัยหลักฐานเป็นเครื่องพิสูจน์ ในกรณีนี้ก็เช่นกัน จึงได้แนะนำให้นางจิตตานันท์ใช้ความพยายามหาใบเสร็จให้พบ ขณะเดียวกันก็ขอให้ทางธนาคารและกยศ.เข้าตรวจเช็คข้อมูลในระบบอีกที และในช่วงนี้ก็ให้โอกาสกันและกัน อย่าเพิ่งเร่งรัดหนี้ค้างชำระ คิดว่าน่าจะจบลงด้วยดี ซึ่งหากถึงที่สุดจริงๆนางจิตตานันท์ก็บอกว่ายินดีจะชำระตามใบทวงหนี้ แต่ขอโอกาสสักระยะในการหาหลักฐาน
ทั้งนี้ล่าสุดมีรายงานว่า นางจิตตานันท์ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ กยศ.ว่า สาเหตุที่มีหนังสือแจ้งการชำระหนี้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ด้วยวิธีการหักเงินเดือนนั้น เนื่องจากตรวจเช็คในระบบพบว่าปัจจุบันนางจิตตานันท์ สุริยะพงษ์ธร เป็นพนักงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทางกยศ.จึงได้มีหนังสือแจ้งชำระหนี้ให้ทราบ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ระหว่าง กยศ.กับผู้กู้
อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับแจ้งดังกล่าว ทำให้นางจิตตานันท์รู้สึกโล่งใจ และมั่นใจว่าข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อน เนื่องจากตนทำการเกษตรอยู่ที่บ้านโคกแง้ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และในห้วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยทำงานหรือเป็นลูกจ้างบริษัทใดเลย อาจจะเป็นไปได้ว่าชื่อและนามสกุลของตนไปตรงกันกับคนอื่น จึงได้รับหนังสือทวงหนี้ กยศ.ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องกราบวิงวอนให้ทางกยศ.และธนาคาร ตรวจเช็คอย่างละเอียดให้มากๆ ซึ่งตนก็รอคำตอบผลการตรวจสอบอยู่ และยังยืนยันว่าตนได้ชำระปิดบัญชีเงินกู้ กยศ.ตั้งแต่ปี 2553 แล้วจริงๆ