พ.ต.อ.ทวีฯ ร่วมไว้อาลัย 2 ผู้เสียชีวิตเหยื่อไฟใต้ ก่อนคุย ตัวแทนพุทธ จชต.รอบ 2 ก่อนนำคณะ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ล่องใต้ต้น ก.ค.
นราธิวาส/นูอารีซ๊ะ ยะยือริ
พ.ต.อ.ทวีฯ ร่วมไว้อาลัย 2 ผู้เสียชีวิตเหยื่อไฟใต้ ก่อนคุย ตัวแทนพุทธ จชต.รอบ 2 ก่อนนำคณะ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ล่องใต้ต้น ก.ค.
วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2566 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.พัฒนาวุฒิ อังคะนาวิน ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาชาติ นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ รองเลขาธิการพรรคประชาชาติ ร่วมพิธีทอดผ้าบังสุกุล แด่ศพผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายประเทือง พรหมทอง อายุ 43 ปี และนายนิวัฒน์ สังข์ทอง อายุ 55 ปี ประชาชนบ้านป่ากุง ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทั้ง 2 ราย เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 2 คน ริมถนนรอยต่อระหว่างบ้านตามุง ม.2 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร กับ บ้านบากง ม.6 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่ ที่วัดทรายทอง บ้านบากง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ พ.ต.อ.ทวีฯ ได้มอบหมายให้ นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ รองเลขาธิการพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่ทันทีเพื่อเข้าไปให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือในมิติจต่างๆอย่างเร่งด่วน การลงพื้นที่ของพ.ต.อ.ทวีฯในวันนี้ จึงทำให้ครอบครัวผู้สูญเสียต่างกล่าวขอบคุณที่ไม่ทอดทิ้งคนพุทธในพื้นที่
ในโอกาสนี้ พ.ต.อ.ทวีฯ ได้เดินพบปะพี่น้องศาสนิกชนทีมาร่วมพิธีก่อนร่วมพูดคุยกับตัวแทนองค์กรไทยพุทธ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 2 ก่อนเปิดสภา เพื่อนำประเด็นปัญหาและรายละเอียด ข้อเรียกร้อง และ แนวทางแก้ปัญหา และ พัฒนา ส่งให้ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ได้รับทราบ และ ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2566 ตัวแทนจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล จะเดินทางลงมาในพื้นที่เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
พ.ต.อ.ทวี ได้กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพูดคุยว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ญาติพี่น้อง โดยเฉพาะเหตุการณ์ในภาคใต้ เราจะต้องให้กำลังใจกับพี่น้องไทยพุทธทั้งหมดด้วย พร้อมเน้นย้ำด้วยว่า เราจะต้องเอาการสูญเสีย มาเป็นบทเรียน หรือเป็นสัจธรรมว่า เราจะทำยังไง จะป้องกันคุ้มครอง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก ในฐานะที่มาทำงานทางการเมือง อยากให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันของทุกคนในภาคใต้ พี่น้องไทยพุทธก็เจ้าของพรรคประชาชาติด้วย คือ ทุกคนจะต้องเข้าถึงและได้รับการดูแล เป็นครอบครัว เราก็มีเจตนาที่จะให้ ทุกคนเกิดมาต้องมีสิทธิ์ มีชีวิตอยู่ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และสามารถทำอาชีพ ได้มีสิทธิ์มีรายได้ มีสิทธิ์มีชีวิตที่ดี ในภาคใต้เราพอมีเหตุการณ์ความไม่สงบมา เป็นอย่างนี้มายาวนานมาก การแก้ไขปัญหาบางทีเราไปคาดหวังกับรัฐ ซึ่งรัฐปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แต่เราสูญเสียคนแล้วคนเล่า ยังไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่
การรวมตัวของพี่น้องทางพรรคก็อาจจะเข้ามาเคียงบ่าเคียงไหล่ ว่าเราจะร่วมแก้ปัญหานี้อย่างไร เราจะปกป้องคุ้มครองพี่น้องทุกคน ไทยพุทธ ให้อยู่ในพื้นที่อย่างไร คือ พื้นที่เราเป็นพหุวัฒนธรรม คนพุทธต้องอยู่ได้ คนมุสลิมก็ต้องอยู่ได้ พระต้องอยู่ได้ ผู้นำศาสนาต่างๆก็ต้องอยู่ได้ อีกอย่างเรามี วัดก็ต้องอยู่ได้ กิจกรรมทางศาสนา มัสยิด ศาสนาอะไรก็ต้องอยู่ได้
ทราบว่าพี่น้องไทยพุทธยังไม่เข้าใจพรรคเยอะ หน้าที่ของพรรคก็ต้องมาทำความเข้าใจ นอกจากทำความเข้าใจก็อาจจะต้องร่วมทุกข์ เพราะพี่น้องหาความสุขยาก จะต้องร่วมทุกข์และสนับสนุนให้มีความสุข
เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นเกือบ 20 ปี ตำรวจ ทหาร มักจะบอกว่าเหตุการณ์ดีขึ้น แต่พี่น้องเราบอกว่า มันสงัดๆในที่นี้ คือเราไม่รู้ว่าจะเกิดกับเราเมื่อไหร่ อันนี้จิตตกมากกว่าเหตุการณ์ ในอนาคตอยากให้มีพื้นที่ ให้พี่น้องไทยพุทธ และพี่น้องมุสลิมได้รับรู้ เลขาธิการ ศอ.บต. แม่ทัพภาคที่ 4 รู้ และถ้าเราได้เป็นรัฐบาลเราก็ต้องรู้ ว่าปลอดภัยหรือๆไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวียังได้ย้ำด้วยว่า อยากให้ทุกคน มีกิจกรรมสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันนะหว่างพี่น้องไทยพุทธและพี่น้องมุสลิม เพราะเชื่อว่าวิธีการสร้างมิตรภาพที่ดีกันและกันจะสามารถสร้างความสุข สงบให้เกิดขึ้นอย่างยั้งยืนได้ พร้อมฝาก ทุกฝ่ายหาแนวทาง ที่จะทำยังไง จะให้ทุกคนในพื้นที่ ไม่ว่า พุทธ หรือมุสลิม มีความรู้ว่าสึกว่าโรงเรียนของรัฐ เป็นโรงเรียนของเรา ซึ่งจะเป็นปรากฏการณ์ที่ดี หากสามารถทำได้
และยังได้ย้ำอีกว่า “ ผมมาด้วยความจริงใจ ไม่ได้มาเพื่อการเมือง ไม่ได้มาเพื่อต้องการชื่อเสียง อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่น้องที่มีความทุกข์ได้พ้นทุกข์ได้ ทำงานเพื่องาน ไม่ได้ทำงานเพื่อชื่อเสียง ไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเอง และ มีโอกาสทำให้พื้นที่ของเรามีความปลอดภัย มีความสงบสุข มีมิตรภาพเกิดขึ้นในพื้นที่ และเชื่อว่า ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงต้องมี ต้องเปลี่ยนทางท ดีขึ้น”
พ.ต.อ.ทวีฯ ยังได้กล่าวถึงแนวทางพูดคุยสันติสุขในพื้นที่ว่า อาจจะให้มีการพูดคุย
แบบพลเรือนคุยกัน ในส่วนของการถอนกำลังทหารนั้น ก็ต้องมาคุยกันเป็นพื้นที่ คือ พื้นที่ไหนทีเป็นพื้นที่ไทยพุทธ ทหารต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่ละพื้นที่จะใช้พาราเซตเดียวทั้งหมดไม่ได้ เพราะพื้นที่ตรงนี้มีลักษณะที่แตกต่างกัน เราต้องค่อยๆทำ เราจะถอนกำลังยังไง หรือ เวลาคณะใหญ่ไปคุย ทางนี้ ก็มาให้ข้อมูลว่าจะเอายังไง ต้องมาคุยกัน
“ คือมองว่า บางทีครอบครัวสูญเสียกับผู้สูญเสียคุยกันเอง ก็จะมีความเข้าใจกัน บางที นราธิวาสอาจจะพัฒนาเป็นเขตวัฒนธรรมพิเศษ หรือแบบไหนก็มาคุยกัน บางที คนๆหนึ่งมีหมายจับเยอะแยกเลย เราก็ดูแล้วเหมือนเขายิ่งใหญ่มาก พอเขาเกิดเหตุการณ์เขาถูกวิสามัญ เขาก็เป็นคนธรรมดา”
พ.ต.อ.ทวีฯ ยังกล่าวถึงการพัฒนาและการยกระดับกำลังอาสาสมัครในพื้นที่ด้วยว่า ถ้าให้มีอาสาสมัคร มีกองกำลังของชาวบ้านที่แข็งแข้ง หรือพวกเราไปพัฒนา อส.หรือ ทหารพราน จะมีชื่อว่าอะไรก็แล้วแต่ ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า อันนี้ คือ การรักษาความปลอดภัย ปกป้องคนกลุ่มนี้ ส่วนความเห็นระหว่าง คนมีปืนกับคนมีปืนอาจจะต้อง ทิ้งไว้สักระยะหนึ่งแล้วค่อยคุยกัน
คือ อะไรที่ดีเราจะทำต่อไป อะไรที่ซับซ้อนหรือยังไม่ดี เราก็ควรมาทำให้ดีขึ้น ปรับและพัฒนา ทุกชีวิตต้องมีความปลอดภัย จะปลอดภัยยังไง หนีไม่พ้นว่า อาจจะต้องมีกำลังมาดูแลมากขึ้น ซึ่งบางพื้นที่ มีแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องการกำลัง และอีก 95 เปอร์เซ็นต์ เขาอาจจะไม่ได้ต้องการ ก็ต้องเอาส่วนโน้นมาอยู่ในส่วนนี้ แต่ก็อยากให้เคารพข้าราชการที่มาทำงานที่นี้แต่ถ้าข้าราชการออกนอกกรอบก็ต้องบอก คือประชาชนต้องเป็นใหญ่
ทางด้าน นายกรีฑา แดงดี รองประธานสมาพันธ์ไทยจังหวัดนราธิวาส ผู้ประสานงานสมาพันธ์ไทยพุทธนราธิวาส ได้ยื่น 7 ข้อเรียกร้องต่อพรรคประชาชาติ 1.เพิ่มมาตรการณ์ด้านความมั่นคง และความปลอดภัยกลุ่มไทยพุทธอย่างเป็นรูปธรรม 2.เพิ่มงบประมาณด้านการส่งเสริมอาชีพ สำหรับผู้ใด้รับผลกะทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ในทุกรูปแบบ 3. การดั้งกองกำลังเฉพาะกิจดูแลกลุ่มไทยพุทธ โดยมีงบประมาณ สนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม 4. การแต่งตั้งคณะกรรมการดูแลกลุ่มไทยพุทธ กลุ่มเสี่ยงพื้นที่สีแดง ในทุกมิติ 5.การดูแลกลุ่มไทยพุทธกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ที่ติดเตียง พิการ ยากไร้ชราภาพ อย่างเป็นรูปธรรม 6.การสนับสนุนงบประมาณ กิจกรรมโครงการของกลุ่มไทยพุทธในทุกรูปแบบอย่างเป็นรูปธรรม และ 7.การพื้น โครงการ ไทยพุทธคืนถิ่น ในทุกรูปแบบให้บังเกิดผลอย่างเป็น รูปธรรม
นายเจริญ สุวรรณมณี ชาวบ้าน หมู่ 8 นาโอน ต.รือเสาะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า ที่ชุมชนมีพี่น้องพุทธ 70-80 เปอร์เซ็นต์ส่วนมากเป็นคนแก่ชรา หลังจากเกิดเหตุชาวบ้านต้องอยู่อย่างหวาดกลัวผวา ชาวบ้านต้องเปลี่ยนเวลาการออกไปกรีดยาง ชาวบ้าน ต้องการให้กำลังทหารอยู่รักษาความปลอดภัย เหมือนเดิมไม่อยากให้ถอนทหาร แต่อยากให้เพิ่มทหารให้มากขึ้น หรือจัดตั้งกำลังอาสาสมัครที่เข้มแข็ง