เกษตรช่วยที มันระบาดแล้ว !! โรคใบด่างมันสำปะหลังระบาดชลบุรี 120 ไร่ ทำลาย 23 ไร่ ให้ความรู้เกษตรกรเร่งด่วน
เกษตรช่วยที มันระบาดแล้ว !! โรคใบด่างมันสำปะหลังระบาดชลบุรี 120 ไร่ ทำลาย 23 ไร่ ให้ความรู้เกษตรกรเร่งด่วน
สถานการณ์ โรคใบด่างมันสำปะหลัง ชลบุรีโดนไป 120 ไร่ ตัดทิ้งฝังทำลายแล้ว 23 ไร่ มั่นใจสามารถควบคุมได้โดยการให้ความรู้ป้องกัน ควบคุม และกำจัดให้กับเกษตรกรได้รับทราบ ส่วนการช่วยเหลือรอความแน่ชัดอีกครั้ง
วันนี้ ( 24 ก.ย. ) นายจำลอง พุฒซ้อน เกษตรจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในวันรณรงค์เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง เพื่อรณรงค์ และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง โดยมี นายนริศ ปาลกะวงษ์ ณ อยุธยา ปลัดอาวุโสอำเภอศรีราชา นายคณิต เจียหลิม กำนันตำบลบ่อวิน นายสุเมศร์ แก่นจันทร์ หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช และเกษตรกรกว่า 200 คนเข้าร่วมงาน ที่แปลงเกษตร หมู่ที่๖ ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราขา จังหวัดชลบุรี
นายจำลอง พุฒซ้อน เกษตรจังหวัดชลบุรี สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังในประเทศไทยตอนนี้ระบาดอยู่ใน 11 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี นครราชสีมา สระแก้ว สุรินทร์ ศรีษะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา คิดเป็นพื้นที่จำนวน 45,400 ไร่ ซึ่งจังหวัดชลบุรีมีพื้นที่การแพร่ระบาดแล้วประมาณ 120 ไร่ และทำการทำลายฝังกลบไปแล้ว 23 ไร่ การจัดงานในวันนี้ก็เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ให้เกษตรกรว่า ลักษณะของโรคเป็นอย่างไร เกิดจากอะไร แก้ไขได้ด้วยวิธีไหน เพื่อให้เกษตรกรได้ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังให้อยู่ในวงจำกัด การแพร่ระบาดของโรคนี้มีอยู่สองวิธีคือ โรคที่มากับท่อนพันธุ์ โดยเกษตรกรไปซื้อท่อนพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดมาปลูกก็ทำให้ต้นที่ปลูกมีเชื้อตัวนี้อยู่ และการแพร่ระบาดที่มาจากแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะ โดยแมลงหวี่ขาวจะไปดูดน้ำเลี้ยงจากต้นที่เป็นโรคแล้วไปดูดน้ำเลี้ยงอีกต้นก็จะทำให้ต้นอื่นติดเชื้อนี้ไปได้ ซึ่งการให้ความรู้ในครั้งนี้จะทำให้เกษตรกรสามารถป้องกัน ควบคุม และกำจัดการแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังไปได้
ทางด้านการช่วยเหลือทราบว่าในตอนนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาโรคใบด่างในมันสำปะหลังแล้ว แต่รายละเอียดทางส่วนกลางยังไม่ได้แจ้งว่าจะให้การช่วยเหลือได้อย่างไร ซึ่งในภายภาคหน้าถ้าได้รับแจ้งจากส่วนกลางมาแล้วก็จะแจ้งให้ทางเกษตรกรได้รับทราบอีกครั้ง