เพชรบุรี-ชาวตำบลท่าแลง!เฮ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ สท. พ้นผิด หลังศาลจังหวัดเพชรบุรี พิพากษา ยกฟ้อง กรณี บ.WPGE ยื่นฟ้องกล่าวหาปลอมแปลงเอกสาร คัดค้านการก่อสร้างโรงงานขยะ
เพชรบุรี-ชาวตำบลท่าแลง!เฮ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ สท. พ้นผิด หลังศาลจังหวัดเพชรบุรี พิพากษา ยกฟ้อง กรณี บ.WPGE ยื่นฟ้องกล่าวหาปลอมแปลงเอกสาร คัดค้านการก่อสร้างโรงงานขยะ
เมื่อเวลา09.30น.วันที่24 พ.ค.62 นายเฉลา สุวรรณชาติ กำนันตำบลท่าแลง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พร้อมด้วย ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตำบลท่าแลง ประกอบด้วยนายสุเทพ ปึกทรัพย์ นายชัยวัฒน์ สมใจ นายกัมพล วัดน้อย นายอำพร แจ่มแจ้ง นายอุทิศ ช้างน้ำ นายยง บัวขำ(ปัจจุบันปลดเกษียณ) และนายเพชร พวงสั้น (ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน)
และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าแลง ประกอบด้วย นายวิรัตน์ ศรีประเสริฐ นายเสน่ห์ เวชสว่าง นายพล สาบุตร นายณรงค์ ฉิมสัญชาติ นายวิเชษฐ์ แก้วชิงดวง และนายบุญรอด จันทร (ขณะถูกฟ้องตำแหน่ง สท.ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ใหญ่บ้าน)รวมทั้งสิ้น14คน เดินทางไปรับฟังคำพิพากษาศาลจังหวัดเพชรบุรี กรณีบริษัทดับเบิ้ลยูพีจีอี มอบหมายให้นายช. ที่ปรึกษาบริษัทยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี ระบุกล่าวหาว่าบุคคลทั้ง14คนเซ็นปลอมแปลงเอกสารบัตรประชาชนของชาวบ้านเพื่อวัตุถุประสงค์ต่อต้านและคัดค้านไม่ให้มีการก่อสร้างโรงงานแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า ที่บริษัทดับเบิ้ลยูพีจีอี กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่บริเวณหมู่ที่7 ต.ท่าแลง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
โดยศาลจ.เพชรบุรี ได้อ่านคำพิพากษา คดี อ.499/61 ที่บัลลังค์ 4 ว่าโจทก์ฟ้องข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมแจ้งความเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมูลกฏหมายอาญามาตรา 264 ประกอบมาตรา 268 มาตรา 137 ประกอบกับมาตรา 83 ศาลพิเคราะห์ตามประเด็นแล้วเห็นว่า ประเด็นที่หนึ่งจำเลยทั้ง 14 ไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเพราะโจทก์ไม่นำพยานบุคคลที่อ้างว่าจำเลยทั้ง 14 ปลอมเอกสารมาเป็นพยานเบิกความยืนยันต่อศาลในคดีนี้มีเพียงนายป. ที่เบิกความเกี่ยวกับเอกสารว่าตนเองไม่ได้ลงชื่อในสำเนาบัตรประชาชนกับคำร้องการขอแสดงความคิดเห็น แต่นายป.ก็ไม่ได้เบิกความยืนยันว่าจำเลยทั้ง14 คนเป็นผู้ปลอมเอกสารและยังเบิกความว่าได้ให้เอกสารดังกล่าวกับนายส.ไปจึงยังรับฟังไม่ได้ปราศจากเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยทั้ง14 คน ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารในคดีนี้ประกอบกับนายช. ผู้รับมอบอำนาจก็เป็นเพียงผู้รวบรวมเอกสารภายหลังจากที่มีการยื่นคำร้องขอแสดงความคิดเห็นต่อสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี แล้วก็มิใช่ประจักษ์พยานที่เห็นว่าจำเลยทั้ง 14 เป็นคนปลอมเอกสารคำร้องเอกสารสิทธิตามที่โจทก์ได้บรรยายฟ้อง ตอนนี้จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง14 มีความผิดในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร
และเมื่อจำเลยทั้ง 14 ไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารแล้วย่อมไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมด้วย
สำหรับข้อหาที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง14 ว่าจำเลยทั้ง14 ร่วมกันแจ้งความอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น พิจารณาตามเอกสารแล้วก็เป็นเพียงคำคัดค้านที่จำเลยทั้ง 14 และชาวบ้านขอใช้สิทธิ์คัดค้านเพราะได้รับผลกระทบจากกินเหม็นจากการดำเนินการเกี่ยวกับขยะ และอื่นๆจริงซึ่งเป็นขั้นตอนที่รัฐต้องนำไปพิจารณาเพื่อประกอบการอนุญาตหรือไม่เท่านั้นและจำเลยทั้ง 14 มีหน้าที่จะดูแลทุกข์สุขของผู้คนในหมู่บ้านและตำบลที่รับผิดชอบจึงเป็นการทำหน้าที่โดยสุจริต จึงไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จจึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 14 คน
นายเฉลา สุวรรณชาติ กำนันตำบลท่าแลง เปิดเผยหลังจากศาลจังหวัดเพชรบุรีอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น สรุป ยกฟ้องตนและผู้นำอีก13คน ว่า ที่ผ่านมาพวกตนดำเนินการคัดค้านการก่อสร้างโรงงานแปรรูปขยะเป็นพลังงานของ บริษัทดับเบิ้ลยูพีจีอี มานานนับ10ปี เนื่องจากเห็นว่าการก่อสร้างโรงงานขยะแห่งนี้ ได้นำขยะจากนอกพื้นที่ตำบลท่าแลงและนอกเขตจังหวัดเข้ามาในตำบลท่าแลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านเกิดผลกระทบด้านมลพิษทั้งทางอากาศ ทางน้ำ บ่อขยะแห่งนี้ส่งกลิ่นเหม็น และน้ำชะขยะได้ซึมลงใต้พื้นดิน ส่งผลให้พี่น้องชาวเกษตรเกิดผลกระทบด้านผลผลิต ตนในฐานะกำนันตำบลท่าแลงและผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าแลง และชาวบ้านภายในตำบลท่าแลง ได้ยื่นเอกสารขอคัดค้านการสร้างโรงงาน เนื่องจากเห็นว่าหากมีการตั้งโรงงานขึ้นต่อไปในภายภาคหน้าลูกหลานภายในตำบลได้รับผลกระทบในระยะยาวอย่างแน่นอน โดยเมื่อพวกตนได้ยื่นหนังสือคัดค้านต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางบริษัทฯ กลับกล่าวหาว่าพวกตนใช้เอกสารปลอมแปลงและนำไปสู่การฟ้องคดี โดยตลอดที่ผ่านมาตนเชื่อมั่นต่อศาลว่าคงจะให้ความยุติธรรมกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบกันจริงๆ จึงต้องขอกราบขอบพระคุณศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ให้ความเป็นธรรมกับพวกตนทั้ง14 คน พิพากษายกฟ้องพวกตนในที่สุด ซึ่งในอนาคตต่อไป พวกตนคงต้องเดินหน้าสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนภายในตำบลท่าแลงต่อไป