เพชรบุรี-ผู้ต้องสงสัยคดีเจาะตู้ATM หน้าเขื่อนเพชร เข้าแสดงความบริสุทธิ พร้อมปฎิเสธไม่เกี่ยวข้อง ขณะที่ ชุดสืบสวน สภ.ท่ายาง ยังคงแกะรอยจากวงจรปิด ตามเบาะเเสคนร้ายตัวจริง
เพชรบุรี-ผู้ต้องสงสัยคดีเจาะตู้ATM หน้าเขื่อนเพชร เข้าแสดงความบริสุทธิ พร้อมปฎิเสธไม่เกี่ยวข้อง ขณะที่ ชุดสืบสวน สภ.ท่ายาง ยังคงแกะรอยจากวงจรปิด ตามเบาะเเสคนร้ายตัวจริง
ความคืบหน้า คดีสองคนร้ายใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์2คัน ร่วมกันก่อเหตุเจาะตู้ATM ที่ตั้งอยู่หน้าโครงการชลประทานเขื่อนเพชร เมื่อช่วงเวลา02.45 น คืนวันที่19มิถุนายน 2563 แต่ยังไม่ได้ทรัพย์สินไป เนื่องจากมีแม่ค้าผ่านมาประสบเหตุสะก่อนทำให้คนร้ายเกรงกลัวความผิดจึงรีบพากันหลบหนีไป โดยที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์. ผบช.ภ.7. ได้สั่งการให้ระดมกำลังตำรวจชุดสืบสวนภาค7ทุกทีม ลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรี และชุดสืบสวน สภ.ท่ายาง แกะรอยคนร้ายทันที เริ่มจากสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ คือแม่ค้าหน้าตลาด และแกะรอยจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่บริเวณหน้าตู้ATM ไปจนถึงถนนสายต่างๆ จนทราบว่าคนร้ายขับรถยนต์ย้อนหลบหนีมาตามถนนเลียบคลองชลประทานสาย1 จนถึงถนนเพชรเกษม นอกจากนั้นพบเบาะเเสสำคัญ ว่า ที่แท้จริงคนร้ายไม่ได้ขับรถยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูเนอร์ แต่ ใช้รถยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว 1คัน และรถเก๋งสีดำไม่ทราบยี่ห้อ อีก1คัน นอกจากนั้นยังพบหลักฐานเด็ดเป็นภาพจากหน้ากล้องของตู้ATM ขณะคนร้ายกำลังลงมือก่อเหตุ กระทั่ง ผู้บังคับบ้ญชาระดับสูงจากภาค7 เดินทางเข้าร่วมประชุมวางแผน โดยมอบหมายให้สืบภาค7 ติดตามเบาะเเสคนร้ายกลุ่มนี้ ส่วนชุดสืบ จว.เพชรบุรี และชุดสืบสวน สภ.ท่ายาง ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและคอยรับฟังคำสั่งหากมีการร้องขอจากชุดสืบภาค7 และต่อมาเมื่อวันที่20มิถุนายน ที่ผ่านมา มีผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในเขตอำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับที่กล้องหน้าตู้ATMจับภาพเอาไว้ได้ และเป็นบุคคลที่ขับขี่รถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ ถือใบสลิปซึ่งเป็นหลักฐานการกดเงินเดินทางเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์กับพนักงานสอบสวน สภ.ท่ายาง โดยแหล่งข่าวแจ้งว่า
มีนายตำรวจซึ่งเป็นรองผู้กำกับการ สภ.บ้านลาด พาเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ในครั้งนี้ เบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าว เผยว่า ในคืนเกิดเหตุ ตนขับรถกลับมาจากบ้านแฟนสาว ซึ่งอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านพุสวรรค์ ต.พุสวรรค์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อกลับที่พักแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน แต่เมื่อมาถึงตู้ATMหน้าโครงการชลประทานเขื่อนเพชร ตนได้จอดรถแล้วลงไปกดเงินสดจำนวน1หมื่นบาท จากนั้นได้ขับรถเลี่ยงเส้นทางไปทางหน้าวัดโค้งข่อย เนื่องจากเส้นทางตรงสะพานหน้าเขื่อนเพชรกำลังอยู่ระหว่างซ่อมเเซม จากนั้นตนได้วกรถกลับมาผ่านหน้าร้านสะดวกซื้อแล้ววิ่งเลียบถนนคลองสาย1จนออกถนนเพชรเกษม แต่มาทราบภายหลังว่า ตนตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญเกี่ยวกับคดีเจาะตู้ATM จึงประสานกับนายตำรวจที่สนิทสนมกัน พามาแสดงความบริสุทธิ์ ส่วนรถเก๋งสีดำนั้นตนไม่เคยเห็นและไม่ทราบว่าเป็นรถของใครและมาเกี่ยวข้องกับรถของตนได้อย่างไร หลังให้ปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนได้อนุญาติให้กลับไปได้และหาก จนท.พบข้อสงสัยก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำเพิ่มในโอกาสต่อไป ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่ายาง ก็ยังคงเดินหน้าติดตามเบาะเเสของคนร้ายตัวจริงที่เหิมเกริมเจาะตู้ATM ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนหน้าเขื่อนเพชร อย่างอุกอาจ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภาค7ก็เดินทางไปสอบปากคำ นส.อ้อย (นามสมมุติ) หลังจากที่ผู้ต้องสงสัยได้กล่าวอ้างว่าได้เดินทางมาหาในวันเกิดเหตุ นอกจากนั้นยังได้ติดตามรถเก๋งคันสีดำที่เป็นจิกซอชิ้นสำคัญเพื่อคลี่คลายในคดีเจาะตู้ATMในครั้งนี้ต่อไป
กสิพล ศิริลาภ- เพชรบุรี