ทภ.3 น้อมนำพระราชดำริ เกษตรพอเพียงสู่รั้วสีเขียว รั้วกินได้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้….. ปลูก ปรุง กิน continue
ทภ.3 น้อมนำพระราชดำริ เกษตรพอเพียงสู่รั้วสีเขียว รั้วกินได้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้….. ปลูก ปรุง กิน continue
กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งสวนผักกินดี กินฟรี ปลอดภัย พร้อมทั้งดำเนินตามโครงการตามรอยเท้าพ่อ ซึ่งเป็นเกษตรกรอินทรีย์ ตามนโยบายของพลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นแหล่งเรียนรู้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่กำลังพล , พลทหารประจำการ และประชาชนชุมชนรอบค่าย นิสิต นักศึกษา ที่ต้องการมาเรียนรู้เกษตรพอเพียง ใช้เวลาว่างจากหน้าที่การงาน ปรับแต่งผืนดินรกร้างข้างบ้านพักเป็นสวนสวยร่มรื่น ปลูกไม้ยืนต้น และแบ่งพื้นที่ไว้ปลูกผักสวนครัว โดยนำวัสดุเหลือใช้ เช่น กระเบื้องหลังคาแตกมาปักลงดินกั้นเป็นแปลงปลูกผัก เช่น ดอกอัญชัน ผักเชียงดา และผักสวนครัวต่างๆ ส่วนไม้ที่เหลือนำมาปักค้ำสำหรับพืชไม้เลื้อย นอกจากนี้ ยังได้โรงเลี้ยงไส้เดือนดินหลากสายพันธุ์ การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ การเลี้ยงไก่บนบ้านต้นไม้ Tree House Hideaway ส่วนพื้นที่ที่เหลือยังปลูกผักแบบยกแคร่ หรือ แปลงผักแบบลอย มีข้อดีคือใช้พื้นที่น้อย สามารถช่วยระบายน้ำและความร้อนได้ดี รากไม่เน่าตาย ช่วยให้เจ้าหน้าที่ทหารพันธุ์ดี ที่ดูแลสามารถเข้าไปดูแลผักได้สะดวกยิ่งขึ้น
ปัจจุบันผักที่นำมาใช้ปรุงอาหารประกอบเลี้ยงให้กับกำลังพลทหารของ กองพันส่งกำลังและบริการที่ 23 (ผบ.สบร.23) กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 เป็นผักที่ได้จากการปลูกผักสวนครัวภายในหน่วยของทหารพันธุ์ดี โดยน้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดำเนินการกิจกรรม ปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้ ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้กำลังพลมีสุขภาพร่างกายที่ดี ทหารกองประจำการได้มีกิจกรรมร่วมกันใช้เป็นอาหารในหน่วยลดค่าใช้จ่ายในหน่วยและลดความเสี่ยงจากสารเคมีสะสมในร่างกาย เพื่อให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จากการได้รับประทานผักปลอดสารพิษ ในปริมาณที่เพียงพอ ดังเช่นกิจกรรมที่ พันเอก ภพ สุวรรณรัตน์ ผู้บังคับกองพันส่งกำลังและบริการที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ได้ดำเนินการแล้วเป็นผลสัมฤทธิ์ คือการประกอบเลี้ยงอาหารประจำวันของหน่วยให้กับกำลังพลทุกระดับชั้นรับประทาน โดย พ่อครัวมืออาชีพอย่าง จ่าสิบเอก รัตนพล แจ้งสว่าง ตำแหน่ง รองผู้บังคับตอนสื่อสาร กองพันส่งกำลังและบริการที่ 23 (ผบ.สบร.23) กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ที่ทำหน้าที่สูทกรรมของหน่วย ได้ดำเนินการเมนูอาหารภายใต้งบประมาณ จำนวน 15 บาท/มื้อ/คน รวม 3 มื้อ ใช้งบประมาณ 45 บาท แบ่งเป็นอาหารเช้า 2 อย่าง ส่วนเมนูอาหารกลางวันและเย็น 3 อย่างต่อมื้อ …ทำให้น้องๆทหารกองประจำการ และกำลังพลนายสิบ นายทหาร ได้รับประทานอาหารที่มีโภชนาการและปลอดสารปนเปื้อน ที่สำคัญประหยัด พอเพียงแน่นอน… ใครบอกทำไม่ได้ ถ้าตั้งใจทำ.. ทำได้แน่นอน.. นายแน่มาก
พันโท ทรงสิทธิ์ รอดสการ ผู้ช่วยนายทหารกองกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า การใช้พื้นที่ในการทำเกษตรผสมผสานเกิดจากแนวคิดของกองทัพภาคที่ 3 ต้องการเน้นการพัฒนาศักยภาพคน ให้ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างอาชีพ และรายได้เสริม นอกจากนี้ยังมีศูนย์การเรียนเศรษฐกิจพอเพียงกองทัพภาคที่ 3 เพื่อถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรที่สนใจนำไปสู่การแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน สร้างรายเสริม และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
อีกสาเหตุหนึ่งที่ แม่ทัพภาคที่ 3 นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการปลูกพืชอินทรีย์มาใช้เนื่องจากว่าต้องการที่จะให้ทหารพันธุ์ดี และทหารกองประจำการได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติจริง เมื่อปลดประจำการไปแล้วก็จะได้นำสิ่งที่ได้จากฝึกระเบียบวินัยไปใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ก็จะสามารถนำความรู้ที่ได้จากการทำเกษตรอินทรีย์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวได้อีกด้วย
และอีกนึ่งที่น่าสนใจ คือ ที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนเศรษฐกิจพอเพียงกองทัพภาคที่ 3 พร้อมทั้งดำเนินตามโครงการตามรอยเท้าพ่อ ซึ่งเป็นเกษตรกรอินทรีย์ ตามนโยบายของพลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นแหล่งเรียนรู้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่กำลังพล , พลทหารประจำการ และประชาชนชุมชนรอบค่าย นิสิต นักศึกษา ที่ต้องการมาเรียนรู้เกษตรพอเพียง ในพื้นที่จำนวน 120 ไร่
พันโท วรจรรกดิ์ เตปิน ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ได้จัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนเศรษฐกิจพอเพียงกองทัพภาคที่ 3 พร้อมทั้งดำเนินตามโครงการตามรอยเท้าพ่อ ขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9
โดยในพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรพอเพียงกองทัพภาคที่ 3 แบ่งออกเป็น 3 โครงการย่อย คือ การเกษตรกรรม มีการปลูกนาข้าว สำหรับกำลังพลและทดลองการพัฒนาพันธุ์ข้าวต่างๆ ด้านปศุสัตว์ มีการเลี้ยงเป็ด เลี้ยงปลา กบ หมู จิ้งหรีด เพื่อเป็นอาหาร และนำไปจำหน่าย และด้านอื่น เช่นโรงสีชุมชน การทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในเกษตรอินทรีย์ พืชผักปลอดสารพิษ รวมทั้งสัตว์เลี้ยงก็สามารถนำไปใช้ผลประโยชน์ร่วมกัน
โดยหลังจากโครงการนี้เริ่มขึ้นได้มีปรับปรุงและพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีประชาชนในพื้นที่ทั้งในพิษณุโลก และต่างจังหวัดต่างเข้ามาดูและศึกษาการทำเกษตรกรพอเพียงในรั้วของกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 ซึ่งล่าสุดได้ร่วมกับ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ที่จะนำเยาวชน ตามจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือมาศึกษาดูงาน เพื่อนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพได้ นอกจากนี้ยังได้นำทหารพันธุ์ดี มาร่วมกิจกรรมด้วยการปลูกพืชผักต่างๆ เพื่อให้กำลังพลทหารพันธุ์ดีได้นำไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้เช่นกัน ซึ่งรายได้จากการขายพืชผักเหล่านี้ ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้ยกให้กำลังพล เป็นรายได้เสริม
อีกที่หนึ่งที่ลืมพลาดไม่ได้เลย คือ….กรมทหารพรานที่ 32 สืบสานต่อยอดโครงการศูนย์การเรียนรู้โครงการทหารพันธุ์ดี ตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ศูนย์การเรียนรู้โครงการทหารพันธุ์ดี ฐานแสงเพ็ญ ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน พันเอกรัตนะ พัฒนโสภณ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 ดำเนินการสืบสานต่อยอดโครงการทหารพันธุ์ดีตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อย่างต่อเนื่อง โดยให้กำลังพลของหน่วยทำการเลี้ยงไก่ที่ได้รับพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 2 สายพันธุ์ ได้แก่ ไก่ประดู่หางดำและไก่กระดูกดำเพื่อสืบสานต่อยอดในโครงการทหารพันธุ์ดีตามแนวพระราชดำริและส่งเสริมอาชีพ ในการช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่จังหวัดน่าน
โครงการทหารพันธุ์ดีเป็นโครงการที่ พลเอกวิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ได้รับพระราชกระแสรับสั่งจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีแนวพระราชดำริต้องการให้หน่วยทหารดำเนินโครงการตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อสืบสานต่อยอดในการทำเกษตรกรรม โดยให้เริ่มจากหน่วยทหารและขยายผลไปที่บ้าน ซึ่งมีการคัดเลือกพลทหารที่มีความรู้และความสมัครใจในการทำเกษตรอินทรีย์ไปฝึกอบรมที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดเชียงราย ได้ลงมือทำที่แปลงจริง และเมื่อปลดประจำการแล้วนำไปขยายผลต่อที่หมู่บ้านของตนเอง
สำหรับผู้ที่สนใจต้องการไปชมหรือศึกษา พร้อมกับเลือกซื้อพืชผักสวนครัวที่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียง กองทัพภาคที่ 3 แห่งนี้ ก็สามารถไปชมกันได้ที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 ตามเวลาราชการ หรือสอบถาม ที่ได้ 055-251076