ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงสีสหกรณ์เกษตรวิสัย จำกัด เตรียมผลักดันการใช้พลังงานสะอาด (Solar Rooftop) ช่วยลดต้นทุน-เพิ่มรายได้ อย่างยั่งยืน
ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงสีสหกรณ์เกษตรวิสัย จำกัด เตรียมผลักดันการใช้พลังงานสะอาด (Solar Rooftop) ช่วยลดต้นทุน-เพิ่มรายได้ อย่างยั่งยืน
สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/- ข่าว
วันที่ 20 มกราคม 2566 เวลา 11.00 น. นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยนายพิชัยยา ตุระซอง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด ณ โรงสีสหกรณ์เกษตรวิสัย จำกัด (สาขานกเหาะ) ตำบลดงครั่งใหญ่ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนางบุญเกิด ภานนท์ ผู้จัดการสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่โรงสีสหกรณ์ฯ ให้การต้อนรับ
นางบุญเกิด ภานนท์ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์แห่งนี้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2520 มีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่เลขที่ 206 หมู่ 2 ถนนปัทมานนท์ ตำบลเกษตรวิสัย อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด สมาชิกแรกตั้ง 170 คน ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้น 8,868 คน (ณ 31 ธ.ค. 65) สังกัดตามหมู่บ้านต่างๆ ในอำเภอเกษตรวิสัย จำนวน 13 ตำบล 153 กลุ่ม อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ที่คอยให้บริการอย่างครบครันไว้บริการสมาซิกและเกษตรกรทั่วไป สหกรณ์ฯ ดำเนินธุรกิจด้านการเกษตรอย่างครบวงจร ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรวบรวมผลิตผล (ข้าวเปลือก) ธุรกิจการแปรรูป ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจให้บริการรับ – ฝากเงิน ธุรกิจศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ฯ ธุรกิจด้านการปศุสัตว์ และให้บริการด้าน เครื่องจักรกลการเกษตร
ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด กล่าวต่อว่า สหกรณ์ของเรายังมีในพื้นที่อำเภอเกษตรวิสัย อีก 2 สาขา ได้แก่ สาขากู่กาสิงห์ และสาขานกเหาะ โดยเฉพาะที่สาขานกเหาะเป็นที่เป็นที่ตั้งของโรงสีสหกรณ์เกษตรวิสัย จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 215 หมู่ 11 ตำบลดงครั่งใหญ่ อำเภอเกษตรวิสัย ประกอบด้วยโรงสีข้าวจำนวน 2 โรง กำลังการผลิตรวม 120 ตัน/วัน โรงปรับปรุงคุณภาพข้าวสาร กำลังการผลิต 120 ตัน/วัน นอกจากนี้สหกรณ์ฯ ยังมี โรงอบลดความชื้น ขนาด 1,000 ตัน/วัน ไซโลเป่าเย็นข้าวเปลือก ขนาดบรรจุ 13,000 ตัน ซึ่งสามารถรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้มีคุณภาพดี และสามารถรักษาความหอมของข้าหอมมะลิได้ลอดทั้งปี มีโกดังเป่าลมเย็น 2 โกดัง เก็บรักษาข้าวเปลือกได้ 42,000 ตัน มีไซโลเป่าเย็นข้าวสาร ขนาด 1,200 ตัน มีกระบวนการผสิตที่สะอาด ปลอดภัย ขึ้นทะเบียน อย. ได้รับรองระบบมาตรฐาน GHPs, HACCP, ได้รับการรับรองว่าโรงสีที่ผลิตและจำหน่ายข้าวหอมมะสิที่ได้ มาตรฐานจังหวัดร้อยเอ็ด , ได้รับการรับรองเครื่องหมายรูปพนมมือ จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิซย์,ได้รับการอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะสิไทย กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ บรรจุภัณฑ์ข้าวเกรด พรีเมียม ได้แก่ ตราคนหาบข้าว, ตราทุ่งกุลา 101 ถุงสีทอง, ตรา TK ทุ่งกุลาฟาร์ม ตราเกิดบุญ และผลิตภัณฑ์ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ตรา คู่บุญ
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด เป็นสหกรณ์ประเภทการเกษตร ตั้งอยู่ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพดีของประเทศ ดำเนินธุรกิจให้การบริการแก่สมาชิกเกษตรกร ในด้านการให้สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพเกษตรกร การจัดหุาวัสดุการเกษตรเพิ่มมูลราคาการจัดสวัสดิการให้กับสมาชิก ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาได้ใช้การตลาดนำการผลิต การส่งเสริมการใช้เครื่องจักรในการทำเกษตร การผลิตข้าวแบบครบวงจร ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ให้อยู่ดีกินดี ได้บริโภคสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบในด้านการกดราคา ซึ่งคือหัวใจหลักในการจัดตั้งสหกรณ์และทำงานร่วมกัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวต่อว่า ผลงานโดดเด่นของสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด คือการรวบรวมและแปรรูปผลิตภัณฑ์หอมมะลิซึ่งมีความพร้อมด้านอุปกรณ์ อาทิ ลานตาก เครื่องชั่งโรงอบลดความชื้น โกดังเป่าลมเย็น โรงสี ไซลเก็บข้าวสารเป่าเย็น เครื่องบรรจุข้าวสารขนาดต่างๆ ซึ่งโรงสีได้รับ การรับรอง มาตรฐาน GMP ISO HACCP ผ่านการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานต่างๆ สำหรับผลผลิตในปีการผลิต 2565/66 สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัยจำกัดได้รวบรวมข้าวเปลือกจากเกษตรกรสมาชิกจำนวน 57,689 ตัน คิดเป็นมูลค่า 668,955,705 บาท
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า ใน ปี 2566 จังหวัดร้อยเอ็ดมีแผนงานโครงการที่จะการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาให้สหกรณ์การเกษตรที่ดำเนินธุรกิจโรงสีข้าว หันมาใช้พลังงานสะอาดโดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Roof Top) เพื่อลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด ซึ่งสูญเสียเงินทุนดำเนินการไปกับค่ากระแสไฟฟ้าที่ใช้ในโรงสีข้าวเป็นจำนวนมากปีหนึ่งๆประมาณ 13 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1.083 ล้านบาท ทำให้สหกรณ์มีต้นทุนการผลิตและแปรรูปข้าวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และในขณะเดียวกันสหกรณ์จะนำเงินทุนดังกล่าวกลับมาใช้เพื่อรับซื้อข้าวจากสมาชิกและเกษตรกรในราคาที่สูงขึ้น และเพื่อลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวไฟฟ้าซึ่งสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จะแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรโดยเฉพาะข้าวสารให้มีคุณภาพและเพิ่มมูลค่า รวมทั้งสหกรณ์ช่วยรับซื้อข้าวเปลือกจากเครือข่ายสหกรณ์ได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการข้าวเปลือกให้กับสหกรณ์ สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดในการมุ่งสนับสนุนส่งเสริมให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มและบริหาร จัดการร่วมกัน ด้วยการรวมกันผลิตและรวมกันจำหน่ายใช้ตลาดนำการผลิต โดยมีตลาดรองรับที่แน่นอน เพื่อให้ เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตและรายได้เพิ่มขึ้น ตามเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด ที่ว่า “ร้อยเอ็ดเมืองเกษตรอัจฉริยะ ท่องเที่ยวสร้างสรรค์ วัฒนธรรมสร้างมูลค่า สังคมพัฒนาอย่างยั่งยืน”
สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/ 088-573-0542- ข่าว