บิ๊กตู่ตรวจราชการก่อนเปิดประชุม ครม.สัญจรที่นราชาวบ้านส่องเลขทะเบียน
นราธิวาส/ภาพ/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ
บิ๊กตู่ตรวจราชการก่อนเปิดประชุม ครม.สัญจรที่นราชาวบ้านส่องเลขทะเบียน
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 20 ม.ค. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมคณะ อาทิพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตร นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อตรวจราชการของกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ การส่งเสริมการศึกษา การลงทุน การค้าแนวชายแดน โดยกำหนดการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส คือ อ.สุไหงโก-ลก สุไหงปาดีและ อ.เมืองนราธิวาส และจะมีการจัดประชุม ครม.สัญจรครั้งแรกของ ปี 2563 อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ที่จ.นราธิวาส ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 21 ม.ค. 63 ที่จะถึงนี้
โดยจุดแรก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ด้วยรถยนต์กันกระสุน ทะเบียน กฉ 4212 ยะลา เข้าสักการะเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ เพื่อความเป็นสิริมงคลพร้อมอธิษฐานขอพรให้ประชาชนมีความสุข และได้สอบถามประวัติความเป็นมาของศาล และได้แสดงพูดคุยกับตัวแทนของสมาคมจีน ทั้ง 4 สมาคม รวมทั้งตัวแทนสมาคมอิสลามสุไหงโก-ลก ถึงความเป็นห่วงทุกคน ขอให้ร่วมมือกันเดินหน้าพัฒนาประเทศ โดยทางเจ้าหน้าที่ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ ได้มอบเหรียญเจ้าแม่ให้กับนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีได้คล้องคอทันที่ก่อนที่จะออกเดินทางไปยังจุดที่ 2
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางมายังจุดที่ 2 คือ อาคารรื่นอรุณ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งกลุ่มพลังมวลชนได้เห็นเลขทะเบียนรถยนต์หุ้มเกราะ กฉ 4212 ยะลา ที่นายกรัฐมนตรีนั่งมา ถึงกับพูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างขบขันว่า งวดนี้ต้องทุ่มซื้อหมายเลขนี้ออกแน่นอน ซึ่งเป็นไฮไลน์แก้เครียดที่พลังมวลชนได้เดินทางมานั่งรอนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะรับฟังบรรยายสรุปจากนายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส เรื่องความก้าวการพัฒนา จ.นราธิวาส และรับฟังการบรรยายสรุปถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม หรือ คันป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่เขตชุมชนเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จากอธิบดีกรมโยธาและผังเมือง ที่ส่งผลทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และก่อให้เกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่อมานายกรัฐมนตรี ได้กล่าวพบปะกลุ่มพลังมวลชน จำนวนกว่า 1,500 คน พอสรุปใจความว่า ตนถือว่าทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดเชื้อชาติใด ล้วนแต่เป็นคนไทยทั้งสิ้น จำไว้นี้คือแผ่นดินเกิดใครจะแบ่งแยกไม่ได้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องช่วยกันขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่นคง ส่วนสถานการณ์ภาคใต้ตอนนี้เหตุการณ์ร้ายลดลง แต่ผมยังไม่พอใจที่ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆตนไม่ต้องการให้ใครเจ็บหรือตาย ซึ่งต่อมานายกรัฐมนตรีได้เดินชมบูธแสดงผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP ซึ่งเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยมที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัด โดยทางจังหวัดนราธิวาสได้นำเสนอต่อ ครม.เพื่อให้ผลักดันสถานที่ดังกล่าวสู่การเป็นคอมเพล็กซ์ ของศูนย์รวมสินค้าปลอดภาษีหรือ Duty Free ตอบสนองต่อการเป็นเมืองการค้าชายแดนของ อ.สุไหงโก-ลก ตามนโยบายสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนรวมทั้งการค้าระบบออนไลน์และงานส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศ
ในช่วงบ่าย หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี พร้อมคณะ รับประทานอาหารที่โรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก แล้วเสร็จ ได้เดินทางไปยังวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี เพื่อนมัสการพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส และเจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา ซึ่งถือว่าพระเทพศีลวิสุทธิ์เป็นเบ้าหลอมจิตใจของชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมไม่ให้เกิดความแตกแยก แถมท่านยังสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจผู้คนชาวไทยทุกศาสนา จากสนามรบเป็นสนามธรรม อยู่อย่างสงบสามัคคีโอบอ้อมอารีอย่างสันติในแผ่นดินเกิดของตนเอง พร้อมทั้งได้ถวายผ้าไตรจีวรและเครื่องไทยธรรม ณ ศาลาการเปรียญ ก่อนที่จะพบปะประชาชนชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม ที่เดินทางมาต้อนรับจำนวน 900 คน
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวพบปะกับพลังมวลชนด้วยภาษาไทยและภาษายาวี พร้อมกล่าวชื่นชมที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข บนสังคมพาหุวัฒนธรรม ซึ่งศาสนาทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดีมีความปองดอง รัฐบาลพร้อมดูแล เรามีงบประมาณลงมาให้ 4 จังหวัดภาคใต้ถือว่าเป็นพื้นที่พิเศษ อยากให้ประชาชนมีรายได้ยั่งยืน ซึ่งเราต้องมาร่วมมือกันว่าจะทำอย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำให้บรรลุได้ฝ่ายเดียวหากประชาชนไม่สนับสนุนและหันมาให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนนราธิวาส เพื่อพบปะนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่เข้าร่วมโครงการรินน้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้ ซึ่งถือว่าอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา ได้รับการแนะแนวพัฒนาวิชาการ เพื่อศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยมีครูผู้สอนจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจากกรุงเทพมหานคร โดยนายกรัฐมนตรีได้มีการพูดคุยหยอกล้อกับเด็กๆ พร้อมทั้งได้มีการสอบถามถึงผลการเรียน ซึ่งเด็กนักเรียนต่างขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น
โดยภารกิจสุดท้าย นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางไปยังหอประชุมบรมราชกุมารี สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส โดยมีนายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.นราธิวาส และคณะกรรมการฯ รวมทั้งตัวแทนประชาชนไทยมุสลิมในพื้นที่ 13 อำเภอ จำนวน 530 คน คอยให้การต้อนรับ โดยนายซาฟีอีได้กล่าวต้อนรับและกล่าวดุอาร์และอำนวยพร แก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะได้ร่วมพูดคุยกับผู้นำศาสนาและชาวไทยมุสลิม โดยกล่าวว่า ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไป และให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ขณะนี้โลกไร้พรมแดนแล้ว ถ้าพวกเรายังยึดติดสิ่งเดิมๆ จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร จะต้องมีการพัฒนาชีวิตเรียนรู้ร่วมกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และร่วมมือกันมากขึ้น ตนเองและรัฐบาลเป็นห่วงปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ที่ยังคงเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายลงในที่สุด ขอร้องทุกคนว่าอย่าทำให้บ้านเมืองเดือดร้อนและเกิดความไม่สงบ ทุกคนไม่ว่าจะศาสนาใดต้องรักและสามัคคีกันให้มากกว่านี้