สงขลา/สะเดา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารตำรวจ ตม.และฝ่ายปกครองในอ.สะเดา จ.สงขลา จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ จำนวน 14 คน ชาย9 หญิง 4และ เด็กหญิงอีก1 คน พร้อมกับผู้นำพาซึ่งเป็นชาวไทยมุสลิมขณะนำมาสิ่งบริเวณริมรั้วชายแดนไทยมาเลเซียเตรียมข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซียต้องเสียค่านายหน้าหัวละ 45,000 บาท

กันยายน 12, 2021กันยายน 12, 2021 admin

ตั้งแต่ช่วงเย็นต่อเนื่องจนถึงช่วงค่ำของวานนี้ (11ก.ย.64)เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง4หน่วยในพื้นที่ชายแดนไทยมาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา ทั้งเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ตำรวจสายตรวจชุมชนด่านนอกสภ.สะเดา ตม.และฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา
สกัดจับรถยนต์กระบะโตโยต้า รีโว่ สีดำ เลขทะเบียน ผห 2675 สงขลา โดยมีนาย ซูคีพลี อารง อายุ 37 ปี ชาวจ.ปัตตานี เป็นคนขับรถ ที่บริเวณถนนเลียบริมรั้วชายแดนไทยมาเลเซีย ที่บ้านไร่ตก ม.6 ต.สำนักขาม ขณะกำลังขนแรงงานต่างด้าว จำนวน 7 คนมาในรถกระบะ เป็นชาย4คนหญิง3 คนโดยมีเด็กหญิงรวมอยู่ด้วย เพื่อไปส่งในพื้นที่ชายแดนไทยมาเลเซีย และจะมีคนมารับช่วงต่อเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเพิ่มอีก7 คนเป็นชาย5คนหญิง2 คน ขณะซุกซ่อนอยู่ในบริเวณชายป่าบ้านไร่ตก หมู่6 ต.สำนักขาม ใกล้กับจุดที่จับกุมชุดแรก และควบคุมตัวทั้งหมดมาตรวจสอบพบว่ามีหนังสือเดินทางเพียงคนเดียวส่วนที่เหลือหลบหนีเข้าเมือง

จากการสอบถาม นาย ซูคีพลี อารง อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นผู้นำพา ได้ไปรับแรงงานชาวเมียนมา7 คนมาจากบ้านควนจง อ.นาหม่อม จ.สงขลา เมื่อช่วง10โมงเช้าของวันนี้เพื่อนำมาส่งบริเวณริมรั้วชายแดนไทยมาเลเซียและจะมีคนมารับช่วงต่อข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซีย โดยได้ค่าจ้างหัวละ 1,000 บาท ส่วนแรงงานต่างด้าวอีกชุดเดินทางมากับรถอีกคันและนำมาพักไว้เพื่อรอข้ามแดนเช่นเดียวกัน
จากการสอบถามแรงงานเมียนมาร์ ผ่านล่ามบอกว่าเดินทางมาจากจ.อ่างทอง โดยเดินทางมากับรถแท็กซี่มาส่งที่บ้านเช่าในอ.นาหม่อม เมื่อวานนี้และวันนี้มีคนมารับเดินทางต่อมายังชายแดนไทยมาเลเซียเพื่อเตรียมข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซียโดยต้องจ่ายเงินให้กับนายหน้าหัวละ 3,500 ริงกิตหรือประมาณ 45,000 บาท และทั้ง14 คนมีนายหน้าที่นำพาเข้ามาคนเดียวกัน
หลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสะเดามาตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด19 ก่อนส่งตัวดำเนินคดีและจะเร่งสอบสวนขยายผลไปยังกลุ่มนายหน้าที่นำพาแรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้เข้ามาซึ่งน่าจะมีทั้งคนไทยและชาวเมียนมาร่วมขบวนการ