ย้อนรอยคนร้ายฆ่าโหดลูกจ้างร้านข้าวแกง ขณะตำรวจเร่งเก็บหลักฐาน
นราธิวาส/ภาพ/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ
ย้อนรอยคนร้ายฆ่าโหดลูกจ้างร้านข้าวแกง ขณะตำรวจเร่งเก็บหลักฐาน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ก.ค. 62 ร.ต.อ.ปรีชา พลซา รองสารวัตรสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ร.ต.อ.หญิงเอื้อมพร ธิมาบุตร นักวิยาศาสตร์ สบ.1 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมเดินทางมายังร้านจำหน่ายข้าวราดแกง เลขที่ 18 ถ.ประชาวิวัฒน์ ซอย 3 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เพื่อตรวจสอบหาหลักฐาน คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดนางซูไฮณี วี อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นลูกจ้างร้านจำหน่ายข้าวราดแกง เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.30 น. ของคืนวันที่ 9 ก.ค. 62 ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรอยเลือดของคนร้ายที่ติดตามที่ต่างๆภายในร้านอาหารจุดเกิดเหตุ อาทิ บริเวณประตูด้านในห้องของผู้เสียชีวิต สายไฟฟ้าของพัดลมที่คนร้ายใช้รัดคอ รอยเท้าที่เปื้อนเลือดติดพื้นห้อง ช่องระบายลมที่ติดไว้บริเวณที่ใช้สำหรับล้างจาน รวมทั้งคราบลายนิ้วมือแฝงที่ติดอยู่บริเวณฝ้าเพดานที่แตก เพื่อนำส่งศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา และจะนำผลการตรวจไปเปรียบเทียบกับกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทยอยเชิญตัวมาให้ปากคำในเบื้องต้น ว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้หรือไม่อย่างไร
ด้าน ร.ต.อ.ปรีชา พลซา รองสารวัตรสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวนี้ในเบื้องต้น ได้เชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำแล้ว จำนวน 4 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีผลทางคดีมากนัก ต้องรอผลการนำหลักฐานในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบทางกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลต้องสงสัยที่ได้เชิญตัวมาให้ปากคำก่อนหน้านี้ และอยู่ในระหว่างการรอผลการสืบสวนสวนสวนเบาะแสของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ว่าบุคคลใดอยู่ในข่ายต้องสงสัยบ้าง ส่วนสาเหตุก็ยังคงเป็นเรื่องคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์ เนื่องจากสร้อยทองหนัก 2 บาท และนาฬิกามูลค่ากว่า 5,000 บาท ของผู้เสียชีวิตได้หายไป แต่ยังไม่ตัดทิ้งประเด็นอื่นๆที่ยังต้องทำการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
และจากการร่วมตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สุไหงโก-ลก ต่างลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า จากคราบเลือดซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในจุดเกิดเหตุที่เจ้าหน้าตรวจพบ ในการย้อยรอยพฤติกรรมของคนร้าย คือ คนร้ายได้ขึ้นไปบนหลังคาของร้านจุดเกิดเหตุ แล้วเดินไปตามไม้ระแนงที่ใช้สำหรับยึดฝ้าเพดาน และเกิดเดินพลาดไปเหยียบฝ้าเพดานแตกลงมาเป็นรูโหว่ ซึ่งมีขนาดคนสามารถโรยตัวลงมาได้ แต่เจ้าของร้านและผู้เสียชีวิตไม่ได้เอะใจ คิดว่าอาจจะเป็นผลกระทบความเสียหายจากพายุที่ตกลงมาอย่างหนัก แล้วคนร้ายก็ยังคงซ่อนตัวอยู่บนฝ้าเพดาน โดยที่เจ้าของร้านและผู้เสียชีวิตไม่ทราบว่ามีคนแอบอยู่บนฝ้า จนกระทบเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงผู้เสียชีวิตได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมเข้านอน แล้วคนร้ายอาศัยจังหวะนั้นโรยตัวลงมาจากฝ้าเพดานในห้องน้ำ เดินย่องผ่านที่สำหรับไว้ล้างจานและที่เก็บถ้วยชามซึ่งมีกองมีดจำนวนหลายเล่มวางอยู่ คนร้ายได้ถือโอกาสหยิบติดมือมาด้วย 1 เล่ม แล้วเดินไปประมาณ 5 เมตร แล้วเลี้ยวขวาผ่านห้องโถงที่สำหรับตั้งโต๊ะเก้าอี้ไว้สำหรับให้ลูกค้านั่งรับประทาน ซึ่งเจ้าของร้านจะสั่งให้ลูกจ้างหรือผู้เสียชีวิตเปิดไฟไว้ทุกคืน แล้วคนร้ายได้เดินย่องไปเปิดประตูห้องนอนของผู้เสียชีวิตเข้าไป ผู้เสียชีวิตอาจจะตกใจที่พบกับคนร้ายจึงได้ร้องเอะอะโวยวาย คนร้ายจึงได้เดินไปหาผู้เสียชีวิตเพื่อให้หยุดร้อง แต่ผู้เสียชีวิตขัดขืนจึงได้เกิดการต่อสู้ภายในห้องนอนของผู้เสียชีวิต ที่ข้าวของภายในห้องอยู่ในลักษณะกระจัดกระจาย ก่อนที่จะถูกคนร้ายใช้สายไฟฟ้าของพัดลมรัดคอ และใช้มีดแทงจนเสียชีวิต ซึ่งคนร้ายอาจจะได้รับบาดเจ็บจากมีดในขณะที่ผู้เสียชีวิตขัดขืน ก่อนหลบหนีคนร้ายได้ปลดสร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท และนาฬิกาข้อมือของผู้เสียชีวิตไปด้วย 1 เรือน โดยคนร้ายได้เดินวกกลับไปทางเก่าที่เข้ามา โดยมีรอยเลือดหยดไว้เป็นทาง แต่แทนที่คนร้ายจะหลบหนีออกจากร้านทางฝ้าเพดานที่เข้ามา คนร้ายได้เปิดช่องลมที่ทางร้านทำไว้ระบายอากาศที่บริเวณฝาผนังสำหรับที่ใช้ล้างจานข้างห้องน้ำหลบหนีออกจากร้าน ซึ่งมีคราบเลือดของคนร้ายติดอยู่อย่างชัดเจน