หม่อมเต่า’สั่งทูตแรงงาน ประสานนายจ้างดูแลความปลอดภัยคนงานไทยในอิรัก – อิหร่าน อย่างใกล้ชิด
‘หม่อมเต่า’สั่งทูตแรงงาน ประสานนายจ้างดูแลความปลอดภัยคนงานไทยในอิรัก – อิหร่าน อย่างใกล้ชิด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งการทูตแรงงาน 2 ประเทศ ประสานนายจ้างที่จ้างแรงงานไทยไปทำงานในอิรัก – อิหร่าน สำรวจความต้องการช่วยเหลือ ดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมอำนวยความสะดวกตามแผนอพยพส่งคนงานไทยกลับประเทศหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าจากสถานการณ์ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านและอิรัก ต่อกรณีการเสียชีวิตของนายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชากองทัพกุดส์ แห่งอิหร่านว่า ล่าสุดกระทรวงแรงงานได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบดูแลแรงงานไทยในประเทศอิรัก และอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบดูแลแรงงานไทยในประเทศอิหร่าน ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแรงงานไทยและประสานกับนายจ้างที่มีการจ้างแรงงานไทยให้ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ เพื่อสำรวจข้อมูลความต้องการช่วยเหลือของแรงงาน รวมทั้งให้รวบรวมข้อมูลสถานที่ทำงาน ช่องทางการติดต่อทางการกรณีได้รับผลกระทบ และเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกแรงงานไทยและคนไทยในการอพยพหากสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น
นางสาวโสพิศ หมัดป้องตัว อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งรับผิดชอบดูแลประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การ์ตา โอมาน และอิหร่าน ได้ประสานงานกับผู้จัดการบริษัทที่นำเข้าแรงงานไทยไปทำงานในกิจการประมงทะเล ที่เมืองบันดาร์อับบาส ประเทศอิหร่าน เกี่ยวกับความห่วงใยที่กระทรวงแรงงาน และรัฐบาลไทยมีต่อแรงงานไทยในประเทศอิหร่าน ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของอิหร่าน ที่จะตอบโต้สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการประสานแจ้งว่า บริษัทดาร์ยาคาร์ซูลู จำกัด โดยนายเมอร์ด้า เอชรา ผู้บริหารบริษัทเรือประมงที่ประเทศอิหร่าน ได้ตระหนักและห่วงใยสถานการณ์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐอเมริกาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ โดยจะเข้าหารือกับเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในเตหะรานเกี่ยวกับสถานการณ์และการส่งคนงานไทยกลับในกรณีที่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นที่จำเป็นต้องอพยพคนงานกลับประเทศต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้ประสานไปยังร้านนิโรฟา ซึ่งเป็นร้านนวดไทยในกรุงเตหะราน พบว่า มีแรงงานไทย จำนวน 33 คน โดยติดต่อกับนายสรธัญ บูรณวิจารณ์ อดีตหัวหน้าแรงงานไทย แจ้งว่า สถานทูตให้ใช้ช่องทางติดต่อทางการ 2 ช่องทาง ได้แก่ ทางแอพลิเคชั่นไลน์กลุ่มชุมชนไทยในอิหร่าน แรงงานไทยจึงมีช่องทางการรับข้อมูลข่าวสารจากทาง สอท.เตหะรานตลอดเวลา รวมทั้งการติดตามข่าวสารจากคนไทยและลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงได้ช่องทางการติดต่อข้างต้น
ขณะที่ นาวาตรีวิทวัส กู้ประเสริฐ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) แจ้งว่า ได้ประสานไปยังสถานประกอบการด้านที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจสปา และสถานประกอบการอื่น ๆ ที่มีแรงงานไทยเข้าไปทำงาน อาทิ Amazing Spirit, 300Spa, Nobel hotel, Capitol hotel ซึ่งอยู่ที่เมืองเอบิล เมืองหลวงของเคิดร์ ในเขตปกครองพิเศษเคอร์ดิสถาน ทางตอนเหนือของอิรัก เป็นต้น เพื่อตรวจเยี่ยมแรงงานไทยและประสานกับนายจ้างให้ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ รวมทั้งสำรวจความต้องการช่วยเหลือของแรงงานกรณีเหตุการณ์รุนแรงจนต้องอพยพคนงานกลับประเทศต่อไป