รองผบ.ตร.ขึ้นเหนือ แถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญ ผู้ต้องหา 4 คน ของกลางเคตามีน) 50 กิโลกรัมพร้อมของ รวม 10 รายการ
รองผบ.ตร.ขึ้นเหนือ แถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญ ผู้ต้องหา 4 คน ของกลางเคตามีน) 50 กิโลกรัมพร้อมของ รวม 10 รายการ
วันศุกร์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.30 น. ที่โกดังสินค้า ถนนวงแหวนรอบกลาง ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป)พร้อมด้วยผอ.ศอ.ปส. ตร.,พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.(สส), พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป6)/รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3/ผอ.ศป.ปส.ทภ.3, นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.อ.ธีรวัฒน์ บุญยะวัฒน์ เสธ.ทบ./เลขาฯกอ.รมน.,พล.ท.กิตติธัช บุพศิริ ผอ.ศปป.2 กอ.รมน.,นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผวจ.เชียงใหม่,นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รอง
ผวจ.เชียงใหม่, พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รอง มทภ. 3, พล.ต.วิชิต วงค์สังข์ ผบ.กกล.ผาเมือง, พล.ต.ต.รุ่งสุริยา เผือกประพันธ์ ผบก.ตชด.ภาค 3 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส., พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.กรณ์ณพัชญ์ กิตติพิบูลย์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2/ โฆษก บช.ปส., พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 ,พล.ต.ต.กิตติ สะเภาทอง ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.บัญชา ปั้นประดับ ผบก.สกส. บช.ปส., พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส.บช.ปส., พล.ต.ต.ภาณุวิชญ์ ทองยิ้ม ผบก.อก.บช.ปส. พล.ต.ต.ภรศักดิ์ นวนหนู ผบก.ประจำ บช.ปส., พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีรย์ รอง ผบก. อก.บช.ปส.,และ พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่3 , พล.ท.สุภโชค ธวัชพีระชัย มทน.3 , พล.ต.สัญชัย รุ่งศรีทอง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี/ผอ.ศอ.ปส.ชอน.บ. สำนักปราบปราบยาเสพติด โดยนายคณิศร ภาพีรนนท์ ผอ.ปป.4 , นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.ปป.6 ร่วมแถลงข่าวจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญ โดยจับกุมนายภูสิงห์ ภูมิรุ่งวิกรัย , Mr.Yang chih kal สัญชาติไต้หวัน , Mr.Kao wei chih สัญชาติไต้หวัน ,น.ส.ศิริพร ศิริไพรวงศ์ พร้อมด้วยของกลาง รวมจำนวน 10 รายการ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท2 (เคตามีน) ชนิดผงสีขาว จำนวนประมาณ 50 กิโลกรัม ,กระเป๋าเสื้อผ้า ขนาดใหญ่ , ตู้ลำโพง จำนวน 5 ตู้ ,รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน งบ-6668เชียงใหม่ ,รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีเทา ทะเบียน งจ-7518 เชียงใหม่ รถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ต-8763กทม. โทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่าตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2561 ให้ดำเนินการลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ชุมชน, สถานศึกษา, โรงเรียนและสถานประกอบการ และข้อสั่งการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 และวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการบูรณาการ ขับเคลื่อนแก้ปัญหาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 3 เดือน โดยการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด และปฏิบัติการกดดันทุกรูปแบบ มุ่งต่อชุมชนชายแดนที่เป็นแหล่ง ช่องทางนำเข้า และแหล่งพักยาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือ สกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในประกอบกับสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ในห้วงที่ผ่านมายังปรากฏข่าวสารและการจับกุมยาเสพติดในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสืบสวน ปรากฏว่ากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ในการสั่งการ และกลุ่มที่ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดหลายกลุ่มเครือข่ายด้วยกันมีความเชื่อมโยงกับบุคคลหลายพื้นที่ ประกอบกับพฤติการณ์ ตามแผนบูรณาการความร่วมมือในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ตามนโยบายรัฐบาล โดยมีกองทัพภาคที่ 3, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นั้น แม่ทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายแบ่งงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกันโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ดำเนินการปราบปรามและสกัดกั้น ยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด โดยให้มุ่งเน้นเครือข่ายรายสำคัญ เครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ และบุคคลที่หลบหนีหมายจับคดียาเสพติด อีกทั้งให้เน้นการขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่าประกอบกับสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ในห้วงที่ผ่านมายังปรากฏข่าวสารและการจับกุมยาเสพติดในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสืบสวน ปรากฏว่า กลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ในการสั่งการ และกลุ่มที่ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดหลายกลุ่มเครือข่ายด้วยกันมีความเชื่อมโยงกับบุคคลหลายพื้นที่โดยในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.และ ป.ป.ส. สืบทราบว่า มีนักค้ายาเสพติดชาวไต้หวัน ร่วมกับคนไทย ลักลอบส่งยาเสพติดโดยซุกซ่อนในเครื่องสำอาง หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปประเทศไต้หวัน ผ่านบริษัทขนส่งสินค้า จึงได้ร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส., หน่วยปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา- ประจำจังหวัดเชียงใหม่ (DEA), หน่วยสืบสวนพิเศษไต้หวัน( MJIB TAIWAN) และหน่วยกำลังในพื้นที่ เพื่อวางแผนการสืบสวนติดตามพฤติการณ์จับกุม ต่อมา เมื่อวันที่ 1 พ.ค.62 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ โดยมีการพบปะกันหลายครั้งและแยกย้ายกัน ชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งช่วงเย็นเวลาประมาณ 17.00 น. พบ น.ส.ศิริพร ศิริไพรวงศ์ ผู้ต้องหาขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ต-8763 กทม.เข้าไปที่โกดังสินค้า อาคาร A ถนนวงแหวนรอบกลาง ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่ และยกกระเป๋าลักษณะมีน้ำหนักลงจากรถและนำเข้าไปเก็บไว้ในโกดัง โดยมี นายภูสิงห์ ภูมิรุ่งวิกรัย ผู้ต้องหาคอยคุมเชิงอยู่ด้านนอก
ต่อมามีชายชาวไต้หวัน และเพื่อน ผู้ต้องหา เข้ามาที่โกดังครู่หนึ่งแล้วออกไป จึงเชื่อว่ามีการลักลอบนำยาเสพติดเข้าไปเก็บในโกดัง ชุดสืบสวนจึงได้จัดเจ้าหน้าที่ซุ่มพรางแฝงตัวอยู่ในพื้นที่เพื่อคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา จากนั้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค.62 ชุดสืบสวนจึงได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นโกดังสินค้า อาคาร A ถนนวงแหวนรอบกลาง ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ผลการตรวจค้น พบวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ชนิดผงสีขาว จำนวนประมาณ 50 กิโลกรัม อยู่ภายในโกดัง
จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองผ่านล่ามแปล รับว่ายาเสพติดดังกล่าวเป็นของพวกตนและจะทำการแบ่งบรรจุซุกซ่อนในตู้ลำโพง และนำส่งออกทางบริษัทรับส่งสินค้าไปประเทศไต้หวัน เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกัน ผลิต และ มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขาย โดยผิดกฎหมาย” โดยนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติฯ ยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ ถึงพี่น้องประชาชนอีกว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดช่องทางแจ้งเบาะแสยาเสพติดและรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศที่หมายเลข 1599 และศูนย์ 191 ทุกจังหวัด พี่น้องประชาชนที่ทราบเบาะแสหรือการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่สามารถแจ้งมาได้ตามช่องทางดังกล่าวอีกด้วย.
ทรงวุฒิ ทับทอง / นิมิตร โปทา ภาพข่าว