เกิดเพลิงลุกไหม้บ้านไม้ภายในชุมชนวัดราชประดิษฐานเสียหาย1หลังก่อนลุกลามติดบ้านใกล้เคียงเสียหายอีก2หลังก่อนควบคุมเพลิงไว้ได้
เกิดเพลิงลุกไหม้บ้านไม้ภายในชุมชนวัดราชประดิษฐานเสียหาย1หลังก่อนลุกลามติดบ้านใกล้เคียงเสียหายอีก2หลังก่อนควบคุมเพลิงไว้ได้
เมื่อเวลา 15:00 น. วันที่ 2 มีนาคม 2562 ร้อยตำรวจโทกวิน จุ้ยรอด รองสว.(สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในชุมชนวัดราชประดิษฐาน จึงประสานรถน้ำเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์ สนับสนุนที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุบริเวณด้านหลังวัดราชประดิษฐานพบกลุ่มไฟกำลังลุกไหม้บ้านไม้สองชั้นโดยไฟลุกลามไม่ที่บริเวณชั้น 2 ของตัวบ้านซึ่งเป็นไม้และได้ลุกลามไม่บ้านหลังที่ 2 ซึ่งปลูกติดกันได้รับความเสียหายบริเวณชายบ้านและประตูไม้ได้รับความเสียหายโดยในที่เกิดเหตุมีบ้านเรือนปลูกติดกันหลายสิบหลังคาเรือนซึ่งเป็นชุมชนแออัดและส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้พบชาวบ้านใกล้เคียงอยู่ในอาการตื่นตกใจต่างรีบขนของออกจากบ้านที่ปลูกอยู่ติดใกล้กัน บ้านต้นเพลิงคือบ้านนายฉลาด
สัญโรจน์ อายุ 43 ปี บ้านหลังเกิดเหตุเลขที่ 142/3 8 หมู่ 8 ตำบลหัวรออำเภอพระนครศรีอยุธยาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายฉลาดเล่าให้ฟังว่าขณะเกิดเหตุต้นและญาติๆได้นั่งเล่นอยู่ที่บริเวณชั้นล่างของตัวบ้านจู่ๆได้ยินเสียงเหมือนไฟช็อตจำนวนหลายครั้งตนจึงได้รีบขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้านก็พบกับเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็วจนไม่สามารถนำสิ่งของเครื่องใช้ออกจากบ้านไม่ทันตนจึงรีบบอกคนในบ้านให้รีบออกจากตัวบ้านเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากไฟไหม้ต้นจึงได้รีบโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาระงับเหตุแต่เนื่องจากบ้านหลังนี้มีทางเข้าคับแคบและแอร์อัดรถน้ำไม่สามารถเข้ามาข้างในได้จึงทำให้ไฟไม่ที่บริเวณชั้น 2 ของตัวบ้านจนหมดก่อนที่จะลุกลามไปยังบ้านที่อยู่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็วแต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ยังสามารถนำน้ำมาฉีดเพื่อลดการลุกลามของไฟไปยังบ้านหลังใกล้เคียงได้อย่างทันท่วงทีเบื้องต้นความเสียหายประมาณ 1 ล้านบาททางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้อาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจนเกิดเพลิงลุกไหม้และเนื่องจากตัวบ้านเป็นอาคารไม้จึงทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีและเกิดไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป
ภาพข่าว//สุนทร สอนแสนสุข//ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา